ต่อภาษีรถยนต์ 2567 หรือการต่อทะเบียนรถ มีขั้นตอนอย่างไร ต้องทำอะไรก่อนหลัง เอกสารที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งหมดกี่บาท
เจ้าของรถยนต์ทุกคันที่ยังใช้งาน เมื่อครบรอบในแต่ละปีนับจากวันที่จดทะเบียนจะต้องไปเสียภาษี ส่วนหนึ่งอาจเรียกว่าต่อทะเบียนรถ ซึ่งตามกฎหมายรถยนต์ ระบุไว้ว่า "รถทุกคันที่จดทะเบียนแล้ว ต้องเสียภาษีรถประจำปี เว้นแต่รถที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีประจำปี" ทีนี้ การต่อภาษีรถยนต์ จะต้องเตรียม หรือใช้เอกสาร และดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีเราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นมาไว้ให้แล้ว !
ต่อภาษีรถยนต์ 2567 มีขั้นตอนอย่างไร
การจะต่อภาษีรถยนต์ประจำปี หรือต่อทะเบียนรถประจำปี สิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นคือต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ ซึ่งปัจจุบัน สามารถซื้อ พ.ร.บ. (ประกันภาคบังคับ) ได้สะดวก ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงตัวแทนต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ทั่วไป และสำหรับรถที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป จะต้องทำการตรวจสภาพรถก่อน โดยสามารถตรวจได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้การรับรองจากกรมการขนส่งทางบกทุกแห่ง รวมถึงที่กรมขนส่งทางบก ตลอดจนสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ ส่วนค่าใช้จ่ายมี ดังนี้
-
รถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 7 คน (รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เกิน 7 ที่นั่ง) ราคา 600 บาท/ปี
-
รถยนต์โดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 ที่นั่ง ราคา 1,100 บาท/ปี
-
รถยนต์โดยสารเกิน 15 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ราคา 2,050 บาท/ปี
-
รถยนต์โดยสารเกิน 20 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 40 ที่นั่ง ราคา 3,200 บาท/ปี
-
รถยนต์โดยสารเกิน 40 ที่นั่ง ราคา 3,740 บาท/ปี
หมายเหตุ : ราคาทั้งหมดยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
ค่าตรวจสภาพรถ
รถยนต์ที่จดทะเบียนเกิน 7 ปี จะต้องผ่านการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกก่อนทุกครั้ง แต่เจ้าของสามารถนำรถไปตรวจสภาพล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นอายุภาษีประจำปี โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายในตรวจสภาพ ดังนี้
-
รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท
-
รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท
อย่างไรก็ตาม จะมีรถบางประเภทที่ไม่สามารถตรวจสภาพที่ ตรอ. ของเอกชนได้ แต่ต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ได้แก่
-
มีการดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้
-
เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ (เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนลักษณะรถ เปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น)
-
มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ (เช่น ไม่ปรากฏตัวเลข ตัวเลขชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข ขูด ลบ หรือลบเลือน จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ เป็นต้น)
-
รถที่เจ้าของแจ้งจอดชั่วคราว หรือแจ้งไม่ใช้รถตลอดไปไว้
-
รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
ต่อภาษีรถยนต์ 2567 ใช้เอกสารอะไรบ้าง
-
เล่มทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
-
กรมธรรม์ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
-
ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป)
หลังจากที่นำรถไปตรวจสภาพ (รถที่มีอายุเกิน 7 ปี) และมี พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเสียภาษีประจำปีได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือจะเป็นช่องทางอื่น ๆ ที่สะดวก ซึ่งดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก ต่อภาษีรถยนต์ 2567 ที่ไหนได้บ้าง
ต่อภาษีรถยนต์ราคากี่บาท
อัตราเสียภาษีรถยนต์นั้นจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยได้กำหนดอัตราค่าภาษี วิธีจัดเก็บ และวิธีคำนวณภาษีแตกต่างกันไป โดยสามารถเช็กค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่ ค่าต่อภาษีรถยนต์ 2567
ต่อภาษีรถยนต์ช้า ค่าปรับเท่าไหร่
การต่อทะเบียนรถ หรือต่อภาษีรถยนต์ ที่หลายคนอาจเรียก ถ้าเราไม่เสียภาษีประจำปี แน่นอนว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของเราจะผิดกฎหมายทันที ซึ่งหากนำรถคันดังกล่าวมาวิ่งใช้งานบนท้องถนนแล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จะต้องเสียค่าปรับ
ซึ่งในการชำระภาษีรถประจำปีล่าช้าจะมีค่าปรับ แต่หากขาดการติดต่อกันเกิน 3 ปี จะส่งผลให้ทะเบียนรถถูกระงับทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียน เช่น การโอนเปลี่ยนชื่อ แจ้งเปลี่ยนสี แก้ไขรายการคู่มือรถได้ เป็นต้น สามารถอ่านเช็กค่าปรับและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทะเบียนรถขาดได้ไม่เกินกี่วัน ลืมเสียภาษี ไม่ต่อทะเบียนรถ เสียค่าปรับเท่าไร
การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ปัจจุบันใช้เวลาไม่นาน ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเท่านั้น อีกทั้งยังมีช่องทางต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งถือเป็นวิธีการที่สะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้องกับการต่อภาษีรถยนต์
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก