ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับรถ คือเอกสารสำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถทุกประเภททั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือผู้ขับขี่รถสาธารณะที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาอย่างถูกต้อง ก่อนจะขับขี่ยานพาหนะต่าง ๆ บนท้องถนน
ปัจจุบันการทำใบขับขี่ หรือต่ออายุใบขับขี่นั้นมีขั้นตอน และวิธีการที่เปลี่ยนไปพอสมควร เพื่อความสะดวกและการดำเนินการที่รวดเร็วขึ้นนั่นเอง เช่น การอบรมใบขับขี่ออนไลน์ การจองคิวต่อใบขับขี่ หรือล่าสุดสามารถต่อใบขับขี่ไม่ต้องจองคิวได้แล้ว วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูล ข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่ว่ามีวิธีดำเนินการอย่างไรบ้าง
ต่อใบขับขี่ 2566
ใบขับขี่ยังจัดเป็นเอกสารทางราชการที่มีการกำหนดอายุใช้งาน เมื่อถึงกำหนดผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องไปต่อใบขับขี่ ซึ่งการต่อใบขับขี่นั้นก็จะมีขั้นตอนที่เหมือนหรือแตกต่างกันในแต่ละชนิดของใบขับขี่ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เอกสารต่อใบขับขี่ที่ต้องใช้ ขั้นตอนตั้งแต่เริ่ม โดยแบ่งรายละเอียดตามกรณีต่อไปนี้
-
การต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี (เปลี่ยนจากชนิดชั่วคราว เป็นชนิด 5 ปี)
-
การต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี (ต่อชนิด 5 ปี เป็นชนิด 5 ปี)
-
การจองคิวต่อใบขับขี่

เอกสารต่อใบขับขี่ ใช้อะไรบ้าง
-
บัตรประชาชน
-
ใบขับขี่เดิมที่หมดอายุ
-
ใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี
1. ได้รับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว หรือใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว 2 ปี แล้ว
2. มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 46 เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์, ไม่มีใบขับขี่รถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว หรือไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
3. ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ หรือถูกลงโทษปรับตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปในความผิดเกี่ยวกับการขับรถอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะพ้นโทษครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่า 6 เดือนแล้ว
• ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมาย
• ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
• ในลักษณะกีดขวางการจราจร
• ใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
• โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
• โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือนร้อนของผู้อื่น
4. ใบขับขี่ชั่วคราวต้องไม่หมดอายุมาเกินกว่า 1 ปี หากหมดอายุเกิน 1 ปี ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ใช้เอกสารอะไรบ้าง
1. ใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี เดิม
2. บัตรประชาชนตัวจริง
3. ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอต่อใบขับขี่ไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต้องสอบอะไรบ้าง
1. ตรวจสอบเอกสารและออกคำขอ
2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
• ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในการขับรถ
• ทดสอบสายตาทางลึก
• ทดสอบสายตาทางกว้าง
• ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)
3. ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูปติดใบขับขี่ และรับใบขับขี่ โดยค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น ค่าคำร้อง 5 บาท และค่าธรรมเนียมใบขับขี่ตามแต่ละประเภท หากเป็นใบขับขี่รถยนต์ 500 บาท (รวม 505 บาท) ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวม 255บาท)
หมายเหตุ หากใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ และหากหมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเข้าอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี
สำหรับใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล ทั้งใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ มีอายุ 5 ปี ซึ่งการต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี มีหลักเกณฑ์ดังนี้
คุณสมบัติของผู้ขอต่อใบขับขี่
1. เป็นผู้ที่ได้รับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถบดถนน ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ หรือใบขับขี่รถชนิดอื่นอยู่เดิมแล้ว
2. ผู้ขอยังคงมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ถือใบขับขี่ชนิดนั้น ๆ
3. ใบขับขี่ฉบับเดิมต้องไม่หมดอายุมาเกินกว่า 1 ปี หากหมดอายุเกิน 1 ปี ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ใช้เอกสารอะไรบ้าง
1. ใบขับขี่เดิม หรือใบแทน
2. บัตรประชาชนฉบับจริง
3. ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอต่อใบขับขี่ไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต้องสอบอะไรบ้าง
1. ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)

3. ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูปติดใบขับขี่ และรับใบขับขี่ โดยค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น ค่าคำร้อง 5 บาท และค่าธรรมเนียมใบขับขี่ตามแต่ละประเภท หากเป็นใบขับขี่รถยนต์ 500 บาท (รวม 505 บาท) ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวม 255 บาท)
จองคิวต่อใบขับขี่
ก่อนหน้านี้กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ที่จะดำเนินการเกี่ยวกับใบขับขี่ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ จะต้องทำการจองคิวทำใบขับขี่ล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็นการขอใบอนุญาตขับขี่ชนิดชั่วคราวหรือทำใบขับขี่ใหม่ของผู้ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน หรือการต่อใบขับขี่ประเภทต่าง ๆ โดยสามารถทำการจองผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1. จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ สามารถทำการจองผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
2. จองคิวต่อใบขับขี่ทางโทรศัพท์ โดยติดต่อไปยังหมายเลขของสำนักงานขนส่งพื้นที่ต่าง ๆ
แต่ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกได้เปิดให้บริการต่อใบขับขี่ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า หรือสามารถ walk in เข้ามาที่สำนักงานได้แล้ว หรือใครประสคง์จะจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้ายังสามารถทำได้เหมือนเดิม โดยขนส่งฯ จะจัดลำดับให้บริการก่อน

ภาพจาก gecc.dlt.go.th
ใบขับขี่หมดอายุต้องต่อภายในกี่วัน
กรณีที่ ใบขับขี่หมดอายุ ในส่วนของใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล ซึ่งได้แก่ ใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ สามารถยื่นคำขอใบอนุญาตใหม่ หรือทำการต่อใบขับขี่ โดยมีเงื่อนไขคือ
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วไม่เกิน 1 ปี สามารถยื่นคำขอต่อใบขับขี่ได้เลย
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม สอบข้อเขียนใหม่ และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด รวมทั้งต้องยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์เพิ่มเติมด้วย
ทําใบขับขี่ต้องอายุเท่าไหร่
กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอทำใบขับขี่ประเภทต่าง ๆ ต้องมีอายุตามเกณฑ์ ดังนี้
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล ได้แค่ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ และใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- แต่หากเป็นการขอใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ชั่วคราว สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 110 ซี.ซี. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ และใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี
- ใบขับขี่รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และใบขับขี่รถประเภทอื่น ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
เอกสารต่อใบขับขี่ ใช้อะไรบ้าง
- บัตรประชาชน
- ใบขับขี่เดิมที่หมดอายุ
- ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่
- ผลการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ หรือสามารถเข้าอบรมที่สำนักงานขนส่งฯ ได้แล้ว
หมายเหตุ - กรมการขนส่งทางบกได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการต่อใบขับขี่ และทำใบขับขี่ ทุกประเภท ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบด้วย รวมถึงการต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564

ภาพจาก dlt.go.th
ใบรับรองแพทย์ (สำหรับใบอนุญาตขับรถ)
การต่อใบขับขี่กรณีใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี หรือเกิน 3 ปี
สำหรับการต่อใบขับขี่ในกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากหมดอายุมาแล้วเกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม สอบข้อเขียนใหม่ และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่ ทั้ง 2 กรณีต้องยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์ประกอบด้วย สามารถจองคิวอบรมล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อระบุวัน เวลา และสถานที่ที่ต้องการ
หลักฐานสำหรับการต่อใบขับขี่กรณีขาดต่อเกิน 1-3 ปี
-
บัตรประชาชนฉบับจริง
-
ใบขับขี่เก่า (ถ้ามี)
-
ใบรับรองแพทย์ ที่ออกในช่วงเวลาไม่เกิน 1 เดือน
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอนอย่างไร ใครต้องอบรมบ้าง
กรมการขนส่งทางบกได้เปิดระบบการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถ หรือ ใบขับขี่ ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ซึ่งสามารถดำเนินการเข้ารับการอบรมได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ จากที่บ้าน เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินการที่สำนักงานฯ สำหรับผู้ที่สามารถเข้ารับการอบรมได้ต้องเป็นผู้ที่ต่อใบขับขี่ หรือใบอนุญาตขับรถหมดอายุเท่านั้น โดยสามารถดูขั้นตอนและวิธีการเพิ่มเติมได้ที่ : อบรมใบขับขี่ออนไลน์ 2566 มีขั้นตอนและวิธีการอบรมอย่างไร ใครต้องอบรมบ้าง
แต่ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้กลับมาเปิดให้บริการอบรมใบขับขี่ที่สำนักงานอีกครั้ง โดยสามารถ walk in เข้ารับบริการได้ที่สำนักงานทุกแห่งทั่วประเทศ
กรมการขนส่งทางบกประกาศเปิดทำใบขับขี่ที่สำนักงาน
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศพร้อมให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ที่สำนักงานโดยไม่ต้องจองคิวต่อใบขับขี่ล่วงหน้าผ่านทางแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue รวมถึงการให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถที่สำนักงานขนส่งที่กลับมาเปิดให้บริการตามปกติเช่นกัน
หมายเหตุ - ใบขับขี่ จะหมดอายุตามวันที่ระบุ ซึ่งจะตรงกับวันที่ทำ โดยสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 6 เดือน ก่อนถึงวันหมดอายุ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : กรมการขนส่งทางบก