ขับรถลุยน้ำท่วม ต้องปิดแอร์ไหม ? คำถามคาใจที่หลายคนอาจสงสัยและเราจะพาไปหาคำตอบ พร้อมเทคนิคการขับรถลุยน้ำอย่างไรให้ปลอดภัยหากหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไร ให้ปลอดภัย
1. ระดับน้ำท่วมไม่เกิน 20 เซนติเมตร
2. ระดับน้ำท่วม 20-40 เซนติเมตร
ปริมาณน้ำในระดับนี้จะอยู่บริเวณที่สูงเกินครึ่งล้อรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดกลางขึ้นมา โดยปกติรถยนต์ทั่วไปจะมีความสูงจากพื้นประมาณ 15-18 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถลุยผ่านไปได้อย่างแน่นอนเพราะท่อไอเสียจะจมหรืออยู่ในระดับเดียวกับน้ำที่ท่วมขังพอดี แต่หากระยะทางที่ไม่ไกลมากหากจำเป็นต้องลุยฝ่าไปพอทำได้ แต่ถ้าไกลควรหลีกเลี่ยง
3. ระดับน้ำท่วม 40-60 เซนติเมตร
ปริมาณน้ำในระดับนี้รถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดกลางทุกชนิดไม่ควรขับผ่าน ในขณะที่รถกระบะทั่วไปที่ไม่ใช่รถกระบะตัวเตี้ยยังสามารถขับผ่านได้อยู่ แต่ควรปิดเครื่องปรับอากาศ ส่วนรถกระบะยกสูงสามารถผ่านได้ แต่ควรใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
4. ระดับน้ำท่วม 60-80 เซนติเมตร
เป็นปริมาณน้ำในระดับที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อรถทุกชนิดไม่ควรขับผ่านไปอย่างเด็ดขาด เพราะรน้ำจะอยู่ในระดับฝากระโปรงหน้ารถ ซึ่งอาจไหลเข้าช่องกรองอากาศ ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ และถึงแม้ในรถกระบะยกสูง รถกระบะออฟโรด จะยังพอผ่านไปได้ แต่ก็อาจเกิดอันตรายจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น หลุม บ่อ ท่อระบายน้ำ หรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถมองเห็นได้นั่นเอง
ขับรถลุยน้ำท่วม ต้องปิดแอร์ไหม ?
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าหากจำเป็นที่จะต้องขับรถลุยน้ำท่วมต้องปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศภายในรถหรือไม่ และถ้าไม่ปิดจะมีผลเสียงอย่างไร หากเป็นการขับรถลุยน้ำท่วมที่ไม่สูงมากนัก คือไม่เกิน 10 เซนติเมตร ยังสามารถเปิดใช้งานแอร์ได้อยู่ แต่ถ้าน้ำเริ่มท่วมสูงเกินกว่า 10 เซนติเมตร ขึ้นไป ควรปิดแอร์ทันที เพราะพัดลมแอร์หน้าเครื่องที่ทำงานอยู่ อาจพัดหรือตีน้ำให้กระจายไปโดนระบบไฟฟ้าภายในเครื่องยนต์ ทำให้ไฟฟ้าช็อตและรถยนต์ดับได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันพัดลมได้รับความเสียหายจากเศษขยะที่ลอยมากับน้ำ ซึ่งอาจทำให้ใบพัดเสียหายได้เช่นกัน
ขับรถลุยน้ำท่วม หากเครื่องดับอย่าพยายามสตาร์ต
น้ำท่วม รถดับ ทำอย่างไร สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับเมื่อขับรถลุยน้ำท่วมมีหลายปัจจัยด้วยกัน อาจเกิดจากน้ำเข้าเครื่องยนต์ หรือหัวเทียนมีความชื้นสูง ซึ่งถ้าหากเครื่องยนต์เกิดดับขึ้นมา ไม่ควรสตาร์ตเครื่องยนต์ในทันที เพราะน้ำจะยิ่งไหลเข้าสู่ระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น ควรหารถลากเพื่อนำรถมาอยู่ในจุดที่น้ำไม่ท่วมก่อนลองสตาร์ตใหม่อีกครั้ง หากยังไม่ติดควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย
- ไม่ควรใช้ความเร็วสูงเมื่อขับผ่านบริเวณน้ำท่วม โดยเฉพาะเมื่อมีรถสวนมา เพราะคลื่นน้ำที่เกิดขึ้นอาจสร้างความเสียหายให้กับภายในเครื่องยนต์ได้ และที่สำคัญอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับที่พักอาศัย รถจักรยานยนต์ หรือคนเดินทางเท้า
- ควรใช้เกียร์ต่ำ เพราะการขับรถลุยน้ำท่วมก็จำเป็นที่ต้องใช้กำลังเครื่องยนต์ในการขับลุยน้ำที่มีมวลหนาแน่น อีกทั้งการลุยน้ำท่วมก็ไม่ควรใช้ความเร็วมากเกินไปซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้
- รักษาระยะให้ห่างจากรถคันหน้า เพราะการขับรถลุยน้ำท่วมระบบเบรกจะแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา ทำให้ประสิทธิภาพของเบรกลดลง ควรรักษาระยะห่างให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัย เมื่อขับผ่านพื้นที่น้ำท่วม ควรเหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง
- เมื่อถึงจุดหมายปลายทางไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที ควรจอดติดเครื่องไว้สักพักเพื่อไล่ความชื้นภายในเครื่องยนต์และส่วนต่าง ๆ ก่อน พร้อมกับสำรวจความเสียหายต่าง ๆ บริเวณรอบตัวรถ เช่น ป้ายทะเบียนหลุดหาย, สีรถลอก, น้ำเข้าโคมไฟ หรือมีน้ำเข้ามาในตัวรถหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การขับรถลุยน้ำท่วมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและผู้โดยสารเป็นหลัก หากเราไม่ชำนาญเส้นทางควรใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญก่อนการเดินทางทุกครั้งควรศึกษาเส้นทาง และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้