x close

ขับรถลุยน้ำท่วมสูงอย่างไรให้ปลอดภัย เลี่ยงรถดับ น้ำเข้ารถ

          ฝนตกหนัก น้ำรอการระบาย น้ำท่วมถนน ต้องขับรถลุยน้ำท่วมสูง ทำอย่างไรดีจึงจะขับรถผ่านน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้มากที่สุด
 
 
ขับรถลุยน้ำท่วม

          สำหรับผู้ที่ขับขี่รถยนต์เป็นประจำ ปัญหาฝนตกรถติดถือเป็นเรื่องต้องเคยเจอกันอยู่แล้วโดยเฉพาะหน้าฝนและที่ยิ่งไปกว่านั้นหากวันไหนเกิดฝนตกหนักสถานการณ์ก็ยิ่งแย่ นอกจากการจราจรจะเป็นอัมพาตแล้ว ยังเสี่ยงเจอกับน้ำรอการระบายในเส้นทางที่ต้องสัญจรผ่านด้วย "การขับรถลุยน้ำท่วม" จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

          แน่นอนว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาให้ขับในน้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่อยากจะแนะนำ คือ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่น้ำท่วมสูงโดยศึกษาเส้นทางและติดตามข่าวสารก่อนออกเดินทางถ้าทำได้เมื่อเห็นว่าฝนจะตกหนัก แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเหตุสุดวิสัย จำเป็นต้องลุยน้ำควรต้องประเมินลักษณะของรถกับความสูงของระดับน้ำที่ท่วมอยู่ ว่าเสี่ยงเกินไปหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นน้ำที่ท่วมขังแค่สัก 10 เซนติเมตร หรือระดับไม่เกินข้อเท้า รถส่วนใหญ่ตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็กก็สามารถค่อย ๆ ขับผ่านไปได้เลย เพราะอยู่ในระดับที่ยังท่วมไม่ถึงท้องรถและท่อไอเสียนั่นเอง

ประเมินสถานการณ์ก่อนลุยน้ำ

ขับรถลุยน้ำท่วม
ภาพจาก shutterstock.com/Robert Hiette

          สำหรับรถยนต์แบบต่าง ๆ จะมีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (ground clearance) โดยประมาณ ดังนี้

           - รถเก๋งเล็ก (รถเก๋งทั่วไป, รถอีโคคาร์, รถ MPV) ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 14.5 เซนติเมตร

           - รถกระบะเตี้ย, กระบะขนของ ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 18 เซนติเมตร

           - รถกระบะยกสูง ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 22 เซนติเมตร

           - รถอเนกประสงค์ (Mini SUV, SUV, PPV) ระดับต่ำสุดจากพื้นเฉลี่ย 22 เซนติเมตร

ลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย

          ตามที่กล่าวไปแล้วการจะขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัยหากเจอกับน้ำท่วมไม่สูงนัก ผู้ขับย่อมจะสามารถค่อย ๆ ขับรถผ่านจุดที่น้ำท่วมขังได้เลยโดยไม่มีปัญหา แต่หากระดับน้ำสูงกว่านั้น คือสูงถึงใต้ท้องรถ หรือท่วมถึงขอบประตูรถ หรือท่วมถึงปลายท่อไอเสีย นั่นหมายความว่าการขับรถต้องใช้ความระมัดระวังและวิธีการที่ถูกต้อง ซึ่งการขับรถลุยน้ำท่วมสูงมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้

          - ปิดแอร์ทันที เพราะหากเปิดแอร์ไว้พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำจะทำงาน ซึ่งเมื่อน้ำท่วมถึง พัดลมจะตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อาจเกิดไฟช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ แถมยังมีความเสี่ยงที่ใบพัดลมจะหักอีกด้วย

          - ใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1-2 เพราะรถต้องใช้แรงในการฝ่าน้ำ ควบคุมความเร็วรถให้ต่ำ รถเบาดับยากที่สุด ส่วนกรณีที่เป็นเกียร์อัตโนมัติก็ปรับตำแหน่งคันเกียร์มาที่ L (Low) เสมอ

          - รักษาความเร็วต่ำให้สม่ำเสมอ หรือรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที ไม่ขับเร็วเพราะอาจทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะกระทบกับขอบทางเท้าหรือสิ่งกีดขวางอื่นแล้วย้อนกลับเข้ามาที่ตัวรถได้ นอกจากนี้การขับตามคันหน้าในระยะที่ปลอดภัยนับเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้สามารถคาดการณ์ลักษณะของพื้นผิวถนนที่จมอยู่ใต้น้ำได้ เรียกง่าย ๆ ว่าให้คันหน้าช่วยนำทางนั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม กรณีที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับการขับรถลุยน้ำท่วมสูงก็คือ หากประเมินสถานการณ์แล้วพบว่ามีโอกาสที่จะต้องหยุดหรือจอดรถแช่น้ำ หรือเส้นทางที่จะผ่านมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางไกลเกินไป ซึ่งแบบนี้ก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะดับหรือเกิดความเสียหายได้มากขึ้น และหากเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเครื่องยนต์ดับในขณะที่แช่น้ำท่วมสูง ห้ามสตาร์ตเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด เพราะน้ำอาจจะเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหาย ถึงตอนนี้มีทางเลือกอย่างเดียวคือหาวิธีเข็นหรือลากรถไปอยู่ในบริเวณที่พ้นน้ำแล้วหาวิธีแก้ไขต่อไป

ข้อปฏิบัติหลังผ่านน้ำท่วมสูงมาได้

ขับรถลุยน้ำท่วม

          หลังจากสามารถขับรถฝ่ากระแสน้ำมาได้โดยที่รถไม่ดับกลางคัน ถือได้ว่ารอดจากสถานการณ์ไปได้ แต่ก็ยังไม่จบแค่นั้น ผู้ใช้รถยังควรที่จะมีขั้นตอนปฏิบัติเพื่อตรวจสอบและรักษารถยนต์เบื้องต้น ดังนี้

          - หลังจากขับลุยผ่านน้ำท่วมสูงได้แล้ว ในช่วงแรก ๆ ให้ใช้ความเร็วต่ำแล้วเหยียบเบรกย้ำ ๆ ไล่น้ำออกจากคาลิเปอร์-ผ้าเบรก ซึ่งจะเป็นการเช็กว่าระบบเบรกยังใช้งานได้ปกติ และหลังจากนั้นควรขับรถต่อไปอีกสักระยะหรือประมาณ 20 นาที เพื่อไล่น้ำหรือความชื้นที่ค้างอยู่ในระบบต่าง ๆ ของรถและเครื่องยนต์

          - หากต้องการจอดเช็กรถหลังจากเพิ่งลุยน้ำห้ามดับเครื่องยนต์ เพราะต้องระวังน้ำที่ค้างและทำให้เกิดความชื้นในห้องเครื่อง รวมไปถึงท่อไอเสีย หากดับเครื่องทันทีอาจมีน้ำที่ค้างย้อนเข้าสู่ท่อได้

          - ดำเนินการตรวจสอบรถในส่วนอื่นต่อไป เช่น มีน้ำซึมเข้าห้องโดยสารหรือไม่ สีรอบตัวรถ หรือล้อและยางได้รับความเสียหายใด ๆ หรือเปล่า

          - หากรถมีอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สั่น เดินไม่เรียบ เสียงดัง เร่งเครื่องไม่ขึ้น ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบสภาพก่อนนำรถไปใช้งาน เพื่อป้องกันความเสียหายและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น



          อย่าลืมว่าการศึกษาเส้นทางและติดตามข่าวสารก่อนออกเดินทาง ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดและการที่จะต้องขับรถลุยน้ำท่วม แต่หากเลี่ยงไม่ได้ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงกับความเสียหายและปัญหาต่าง ๆ ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ขับรถลุยน้ำท่วมสูงอย่างไรให้ปลอดภัย เลี่ยงรถดับ น้ำเข้ารถ อัปเดตล่าสุด 21 กรกฎาคม 2566 เวลา 15:47:02 53,851 อ่าน
TOP