รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานทางเลือก ต้องเสียภาษีต่อปีเท่าไร มีค่าใช้จ่ายมากหรือน้อยกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันทั่วไป มาดูกัน
ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า เป็นยานพาหนะที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดการปล่อยมลพิษ และหลายยี่ห้อมักมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบช่วยขับขี่ รวมถึงสมรรถนะที่น่าประทับใจ ที่สำคัญคือ ราคาจำหน่ายไม่ได้แพงกว่ารถยนต์น้ำมัน ทำให้หลายคนอยากลองใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องใหม่ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วรถยนต์ไฟฟ้าคิดภาษีประจำปี หรือมีค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียนปีละเท่าไหร่ แพงหรือไม่ แตกต่างจากรถยนต์น้ำมันอย่างไร ใครที่กำลังสนใจลองไปหาคำตอบกัน
ภาษีรถยนต์ คือ ?
ภาษีรถยนต์คือหนึ่งในค่าใช้จ่ายสำหรับรถทุกคันที่จดทะเบียนใช้งาน โดยจะต้องจ่ายเป็นรายปีนับตั้งแต่วันจดทะเบียน ดังนั้น การไม่เสียภาษีประจำปีถือว่าผิดกฎหมายทันที หากนำรถมาใช้งานบนถนน แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะต้องเสียค่าปรับ หรือหากปล่อยไว้นานเกิน 3 ปี ก็ต้องจดทะเบียนใหม่ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถจึงจำเป็นต้องเสียภาษีรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
รถยนต์แต่ละชนิดต้องจ่ายภาษีเท่าไร ?
รถทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ รถกระบะ รถบรรทุก หรือรถมอเตอร์ไซค์ ทุกคันต้องเสียภาษีประจำปีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันนั่นก็คืออัตราภาษีที่ต้องจ่าย เรามาดูกันว่ารถแต่ละชนิดต้องเสียภาษีคันละเท่าไร และมีวิธีคิดภาษีจากอะไร
1. ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน |
---|---|
500 |
150 |
501-750 |
300 |
751-1,000 |
450 |
1,001-1,250 |
800 |
1,251-1,500 |
1,000 |
1,501-1,750 |
1,300 |
1,751-2,000 |
1,600 |
2,001-2,500 |
1,900 |
2,501-3,000 |
2,200 |
3,001-3,500 |
2,400 |
3,501-4,000 |
2,600 |
4,001-4,500 |
2,800 |
4,501-5,000 |
3,000 |
5,001-6,000 |
3,200 |
6,001-7,000 |
3,400 |
7,001 ขึ้นไป |
3,600 |
ทั้งนี้อัตราภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกปี ถือว่าเป็นอัตราเดียวกับที่ใช้ในรถกระบะ ซึ่งจะถูกกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้มีการประกาศลดภาษีประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าลงอีก 80% เป็นระยะเวลานาน 1 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า
2. ภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถน้ำมัน)
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หรือรถเก๋งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง เป็นประเภทของรถที่คนนิยมใช้มากที่สุด โดยจะมีการคิดคำนวณอัตราภาษีจากกระบอกสูบ (ซีซี)
- 600 ซีซี แรก คิด ซีซี ละ 0.50 บาท
- 601-1,800 ซีซี คิด ซีซี ละ 1.50 บาท
- 1,800 ซีซี ขึ้นไป คิด ซีซี ละ 4.00 บาท
สำหรับรถใหม่ หรือรถที่มีอายุการใช้งานอยู่ในช่วง 1-5 ปีแรก อัตราภาษีที่ต้องจ่ายจะเท่ากันทั้งหมด แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 6 อัตราภาษีจะลดลงตามลำดับ
- ปีที่ 6 ร้อยละ 10
- ปีที่ 7 ร้อยละ 20
- ปีที่ 8 ร้อยละ 30
- ปีที่ 9 ร้อยละ 40
- ปีที่ 10 และปีต่อ ๆ ไป ร้อยละ 50
2. รถประเภทที่คิดภาษีเป็นรายคัน
จะใช้กับรถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ รถที่ใช้ในงานเฉพาะทาง เช่น เกษตรกรรม
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
- รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
- รถพ่วงชนิดอื่น ๆ คันละ 100 บาท
- รถบดถนน คันละ 200 บาท
- รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท
3. รถประเภทที่คิดภาษีตามน้ำหนักรถ
การคิดคำนวณภาษีในลักษณะนี้จะใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน, รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด, รถยนต์รับจ้าง, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล, รถลากจูง และรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร โดยมีอัตราภาษีดังนี้
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน | รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด, รถยนต์บริการ | รถยนต์รับจ้าง | รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล, รถลากจูง, รถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร |
---|---|---|---|---|
500 |
150 |
450 |
185 |
300 |
501-750 |
300 |
750 |
310 |
450 |
751-1,000 |
450 |
1,050 |
450 |
600 |
1,001-1,250 |
800 |
1,350 |
560 |
750 |
1,251-1,500 |
1,000 |
1,650 |
685 |
900 |
1,501-1,750 |
1,300 |
2,100 |
875 |
1,050 |
1,751-2,000 |
1,600 |
2,550 |
1,060 |
1,350 |
2,001-2,500 |
1,900 |
3,000 |
1,250 |
1,650 |
2,501-3,000 |
2,200 |
3,450 |
1,435 |
1,950 |
3,001-3,500 |
2,400 |
3,900 |
1,625 |
2,250 |
3,501-4,000 |
2,600 |
4,350 |
1,810 |
2,550 |
4,001-4,500 |
2,800 |
4,800 |
2,000 |
2,850 |
4,501-5,000 |
3,000 |
5,250 |
2,185 |
3,150 |
5,001-6,000 |
3,200 |
5,700 |
2,375 |
3,450 |
6,001-7,000 |
3,400 |
6,150 |
2,560 |
3,750 |
7,001 ขึ้นไป |
3,600 | 6,600 | 2,750 | 4,050 |
ทั้งนี้อัตราภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกปี ถือว่าเป็นอัตราเดียวกับที่ใช้ในรถกระบะ ซึ่งจะถูกกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้มีการประกาศลดภาษีประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าลงอีก 80% เป็นระยะเวลานาน 1 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า
แม้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรานั้นจะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง แต่ในอนาคตอาจมีความหลากหลายมากขึ้น หลังภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมโดยการลดภาษีสรรพสามิต ภาษีนำเข้า และภาษีประจำปี โดยในบ้านเราตอนนี้ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจหลายรุ่น เช่น POCCO, VOLT City EV, Fomm ONE, MG ZS EV, ORA Good Cat และ BYD Atto 3 เป็นต้น
เรื่องที่เกียวข้องอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : dlt.go.th, dlt.go.th (2)