MG ZS EV 2019 ทำเซอร์ไพรส์ราคาจำหน่าย เปิดตัวที่ 1.19 ล้านบาท พร้อมให้ชุดชาร์จและติดตั้งฟรีที่บ้าน MG ZS EV 2019 มีให้เลือกเพียงรุ่นย่อยเดียว
ถือว่ามาแบบเซอร์ไพรส์หรือเป็นการตลาดแบบสับขาหลอก ก่อนหน้านี้ในงานสัมนาเรื่องอนาคตไฟฟ้า นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ได้แย้มราคาไว้ว่า MG ZS EV 2019 จะจำหน่ายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แต่นั่นแหละทุกคนคิดกันไปเอง... ว่าราคาต้องอยู่ใกล้ ๆ เลข Maximum
วันนี้ 20 มิถุนายน 2562 ฤกษ์วันเปิดตัว MG ZS EV 2019 ที่ทุกคนตั้งตาคอย เรื่องราคาจำหน่ายเคาะแล้ว 1.19 ล้านบาท เท่านั้น พร้อมกับข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ MG ZS EV 2019 ดังนี้
เริ่มต้นด้วยดีไซน์ภายนอก ไม่พูดเยอะ (แต่ไม่เจ็บคอ) ตัวถังและอุปกรณ์หลายส่วน เป็นแบบเดียวกับ MG ZS รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เกียร์ 4AT ปรับเพียงลายกระจังหน้าและลายล้อแม็ก มาพร้อมสีตัวถังแบบพิเศษ "สีฟ้า Copenhagen Blue" ให้เลือกสีเดียวในตอนนี้
ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ คอนโซลหน้าวัสดุบุนุ่ม Soft touch พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสปอร์ตหุ้มหนัง หน้าจออินโฟเทนเมนต์ระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ระบบแอร์ดิจิทัล พร้อมระบบกรองอากาศ กรองได้ระดับ PM2.5 ให้หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ (Panoramic Sunroof)
ขุมกำลังเป็นไฟฟ้า 100% มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor โดยมีพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา มีระบบการจัดการอุณหภูมิ ให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 337 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมเคลมด้วยว่า MG ZS EV 2019 สามารถ วิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้กว่า 40 เซนติเมตร
รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบ Normal Charge ใช้เวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง และแบบ Quick Charge จาก 0-80% ในเวลาเพียง 30 นาที ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมฟังก์ชันตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การค้นหาสถานีชาร์จได้บนมือถือ
MG ZS EV 2019 ยังมาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ที่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ และปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ โหมดการขับขี่แบบ Eco เพื่อการประหยัดพลังงาน โหมด Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไป และ โหมด Sport
ด้านความปลอดภัยมีระบบ Advanced Synchronized Protection System ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (FSF) ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System ทั้งหมด 9 ระบบ และระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems ได้แก่
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ฟีเจอร์อื่น ๆ ได้แก่ ไฟส่องทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light), ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold), ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake), กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวมทั้งหมด 6 จุด มีกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์
ถือว่าเปิดราคามาดี ตีกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ากระจุยที่คู่แข่งทั้งหลายวางราคาอยู่ 1.6 ล้านบาท ขึ้นไป ด้วยราคานี้ยังสามารถสู้กับ Honda HR-V ที่ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาป และ Toyota C-HR ที่เป็นไฮบริด ซึ่งวางจำหน่ายอยู่ราว ๆ 1.2 ล้านได้อีกด้วย
ภาพประกอบจาก MG