x close

PORSCHE Cayenne S Diesel ที่สุดของรถเครื่องดีเซล



PORSCHE Cayenne S Diesel ที่สุดของรถเครื่องดีเซล (ยานยนต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก netcarshow.com

          นับเป็นครั้งแรกที่ PORSCHE ผลิตเครื่องยนต์ดีเซล 8 สูบ ซึ่งกลายมาเป็นผู้นำกลุ่มตลาดในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ แรงบิดและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะเครื่องยนต์ขนาด 4.2 ลิตร Bi-Turbo V 8 กำลัง 382 แรงม้า (281 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 850 นิวตัน-เมตร โดยเป็นเครื่องยนต์ V 8 ดีเซล ที่มีระบบสตาร์ท/หยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติหนึ่งเดียวในรถยนต์คลาสนี้ ระบบส่งผ่านกำลัง Tiptronic S 8 สปีด มาพร้อมกับระบบ PORSCHE Traction Management (PTM) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active All-Wheel Drive อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 252 กม./ชม.


          มาดสปอร์ต เร็ว-แรง-ประหยัด

          Cayenne S Diesel จะเป็นประสบการณ์การขับขี่ตามแบบฉบับความเป็น PORSCHE ที่สัมผัสถึงอารมณ์ยามขับขี่รถสปอร์ตสักคันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของรถที่กระหึ่มดุดัน รวมไปถึงสมรรถนะที่มีความคล่องตัวสูง เสียงของเครื่องยนต์ที่ขับออกมาจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเครื่องยนต์ V8 ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมและสะดวกสบายในการใช้งานวิ่งทางไกลโดยถังเดียว 100 ลิตร สามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,200 กม. เลยทีเดียว

          รูปลักษณ์ภายนอกเต็มไปด้วยความโดดเด่นสะดุดตา รุ่นท็อปดีเซลจะได้มีโลโก้ Cayenne S ไว้ทางด้านหลัง เพื่อให้รู้ว่านี่คือเครื่องยนต์ 8 สูบ ครีบของกระจังดักอากาศทางด้านหน้าเป็นสีดำเพิ่มความโดดเด่น คาลิเปอร์เบรคออกมาในรูปแบบสีเงินเป็นสปอร์ต ปีกข้างรถทางด้านหน้ารถมีโลโก้ "Diesel" ทั้งสองข้าง และล้อมาตรฐานจะออกมาในลาย Cayenne S III คุณลักษณะพิเศษด้านความโดดเด่นได้มาจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Active PTM All-Wheel Drive ซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เป็นเทคโนโลยีชั้นนำจาก PORSCHE พละกำลังเครื่องยนต์จะถูกส่งตรงเข้าเพลาหลังเพื่อให้ได้มาซึ่งลักษณะการับขี่ที่เสมือนขับเคลื่อนจากล้อหลัง แต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่แม่นยำและรักษาเสถียรภาพของรถได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อต้องขับขี่แบบสปอร์ตและต้องการการขับขี่ที่คล่องตัวว่องไว ระบบจะส่งพละกำลังไปที่ล้อหน้ามากขึ้นอย่างแม่นยำและปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะการขับขี่ในขณะนั้น อีกทั้งยังเพิ่มสมรรถนะการทรงตัวและการเกาะถนนที่ดีเยี่ยมอีกด้วย การติดตั้งระบบ PTM จึงทำให้มีประสิทธิภาพของออฟโรดได้อย่างดี เมื่อต้องอยู่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น อาทิเช่น ถนนหิมะโคลน หรือเต็มไปด้วยหญ้าระบบ PTM จะทำงานร่วมกับระบบรักษาเสถียรภาพรถอย่าง PORSCHE Stability Management (PSM) ทันที ส่งผลให้เกิดการกระจายแรงบิดที่เหมาะสมไปยังแต่ละล้อ ซึ่งไม่ล้อใดล้อหนึ่งเกิดการลื่นไถลและรถจะยังสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถกลายเป็นรถที่ใช้ในการลากจูงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะลากเรือหรือรถม้า โดยรองรับน้ำหนักการลากสูงถึง 3.5 Metric Tones 


          Common Rail 2,000 บาร์เทอร์โบคู่แปรมัน (VTG) บูสท์ 2.9 บาร์ !!

          ด้วยเครื่องยนต์ V 8 สูบใหม่ล่าสุดนี้เองที่ทำให้ PORSCHE รุ่นดีเซลคันนี้กลายมาเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดเดียวกันได้อย่างไม่ต้องสงสัยพละกำลังสูงสุดถึง 382 แรงม้า (281 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดสูงถึง 850 นิวตัน-เมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นแรงบิดที่สูงสุดในกลุ่มตลาดรถชนิดเดียวกัน ให้แรงบิดมหาศาลระหว่างรอบเครื่อง 2,000-2,750 รอบต่อนาที อีกทั้งยังมีระบบการจัดการความร้อน (Thermal Management) และระบบหมุนเวียนไฟฟ้า (Electrical System Recuperation) รวมไปถึงฟังค์ชั่น (Automatic Start / Stop) เข้ามาเสริมทัพเพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นไปอีก

          สำหรับขั้นตอนและวิธีการควบคุมแรงดันในรางหัวฉีด (Rail Pressure) ปริมาณน้ำมันและเวลาของการฉีดได้รับการพัฒนาใหม่หมด ส่งผลให้ลักษณะของเครื่องยนต์เผาไหม้ของดีเซลมีความเฉพาะและเหมาะสมกับการใช้งานควบคู่กันได้อย่างสมบูรณ์แบบเครื่องยนต์ V8 ทำงานอย่างกลมกลืนสร้างแรงสั่นสะเทือนน้อย และไม่มีเสียงของเครื่องยนต์ดีเซลที่เสียงดังจนน่ารำคาญและมีความคลาสสิคในเรื่องของเครื่องยนต์ V8 ที่มาพร้อมกับ Cylinder Bank แบบ 90 องศา เสื้อสูบทำจากเหล็กหล่อสีเทา (Grey Cast Iron) และฝาสูบทำจากอะลูมิเนียมน้ำมันที่มาจากหัวฉีด Piezo-Controlled Injectors จะทำการสเปรย์เข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรงผ่านระบบรางน้ำมันร่วม Common Rail System โดยแรงดันถึง 2,000 บาร์ เพื่อที่จะนำพลังงานมาใช้งานได้อย่างสูงสุด อัดอากาศผ่านเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ตัวที่มีระบบแปรผัน (VTG) เข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยอากาศที่ถูกอัดโดยเทอร์โบนนั้นมีการบูสท์สูงสุดมากถึง 2.9 บาร์ ซึ่งนับว่าเป็นค่าสูงสุดที่เครื่องยนต์ดีเซลสามารถทำได้ทั่วโลกตอนนี้ !!



          เทคโนโลยีชั้นสูง วัสดุพิเศษ

          อย่างไรก็ตามความร้อนกับเครื่องยนต์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่อากาศจะถูกอัดเข้าไปในห้องเผาไหม้ อากาศนั้นได้ถูกนำไปผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งให้การระบายความร้อนที่ดีกว่าอินเตอร์คูลเลอร์ทั่วไป แรงด้านภายในน้อยและสามารถลดการสูญเสียของแรงดันได้จากเทคโนโลยีชั้นสูงที่อยู่ด้านในจะเป็นวัสดุที่พิเศษเพื่อคุณภาพและระยะเวลาการใช้งานที่มากที่สุด โดยจะใช้ลูกสูบแบบ Bowl-In Edge ซึ่งทำการหลอมโดยแสงเลเซอร์ที่มีความร้อนสูงลิ้นไอเสียประกอบด้วย Super-Alloy ซึ่งทนทานต่อความร้อนสูงและมีที่มาจากมอเตอร์สปอร์ตนั่นเอง

          สำหรับระบบ Dual-Line Exhaust System ไอเสียได้รับการใส่ใจในการพัฒนาในทุก ๆ รายละเอียดโดยระบบไอเสียนี้จะมาพร้อมกับท่อไอเสียหลัก 2 เส้นที่แยกจากกันในแต่ละด้าน (Bank) โดยมีเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (Oxidation Catalytic Converter) และหม้อกรองเขม่าสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Particulate Filter) รวมอยู่ด้วย เช่นกัน โดยทั้งสองระบบนี้จะช่วยลดระยะเวลาการทำปฏิกิริยาฟอกไอเย และแรงดันย้อนกลับ (Back-Pressure) ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ปล่อยไอเสียน้อยลงและลดอัตราการบริโภคน้ำมัน ระบบไอเสียทำจากเหล็กสแตนเลสที่มีอายุการใช้งานแบบถาวรและสามารถเก็บรักษาและทำให้สูญเสียความร้อนได้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้งยังมีการเพิ่มความเย็นให้กับระบบหมุนเวียนไอเสียในห้องเผาไหม้และทำให้ลดอุณหภูมิและลด Nitrogen Oxide ของก๊าซด้วยเช่นกัน


          เกียร์ Tiptronic S ฉลาด ฉับไว รวดเร็ว

          Cayenne S Diesel ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 จังหวะให้กับเครื่องยนต์ 8 สูบ โดยจะทำการส่งผ่านแรงบิดที่สูงผ่านระบบส่งผ่านกำลังเหมือนกับรุ่น Cayenne Turbo และแน่นอนกลยุทธ์การเปลี่ยนเกียร์นั้นมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุดนี้ด้วย จุดเปลี่ยนเกียร์ขึ้นคือ เมื่อเครื่องยนต์อยู่ในความเร็วที่ต่ำกว่า 4,000 รอบ/นาที เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ของ Torgue Curve ในเครื่องยนต์ Turbo Diesel ได้มากที่สุดและช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงควบคู่กันไปด้วย และระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S จะเปลี่ยนเกียร์ช้าลงอย่างมากเพื่อให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นด้วย เมื่อเปลี่ยนเกียร์เข้าสู่เกียร์ที่ 7 และ 8 นั้น ความเร็วของเครื่องยนต์จะลดลงประมาณ 20% เพื่อทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องวิ่งอยู่ทางตรงบนถนนหลวง เป็นต้น สำหรับการสตาร์ทหรือเคลื่อนตัวของรถจะอยู่ในเกียร์ที่หนึ่งเสมอ สามารถเลือกใช้งานได้ผ่านก้านเกียร์บนคอนโซลกลางหรือก้านเกียร์บนพวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ของ Tiptronic S นั้นถ้าเหยียบคันเร่งหรือการปรับเปลี่ยนของคันเร่งที่รวดเร็วส่งผลให้การเปลี่ยนเกียร์นั้นเกิดขึ้นทันทีโดยไม่ต้อง Kick Down และเมื่อปล่อยคันเร่งอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อต้องเข้าโค้งนั้นระบบเกียร์จะล็อกและไม่ให้เกิดการเปลี่ยนเกียร์สูงชิ้นเมื่ออยู่ในการเข้าโค้งอีกด้วย สมรรถนะเหล่านี้ส่งผลให้รถมีความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ระหว่างที่ทำการเบรคอย่างหนักหน่วงนั้นระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S จะทำการเปลี่ยนเกียร์เข้าสู่เกียร์ที่ตำกว่าและส่งผลให้เครื่องยนต์ทำการตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย


          ขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบ Actiove PORSCHE Traction Management

          ส่งพละกำลังเครื่องยนต์ทั้งหมดเข้าสู่พื้นถนนด้วยระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ PTM Active All-Wheel Drive ระบบ PORSCHE Traction Management System ได้รับการออกแบบมาเพื่อการขับเคลื่อนอย่างสปอร์ตและเพื่อเสริมความคล่องตัวในการขับขี่ให้มากขึ้น เพราะระบบนี้มีการกระจายแรงบิดที่กว้างขึ้นและส่งผลให้รถมีความคล่องตัว ว่องไว ทรงตัวได้ดีขึ้น ระบบ PTM ยังมีการเสริมทัพด้วยระบบเบรคอัตโนมัติ Automatic Brake Eifferential (ABD) เพื่อเพิ่มการควบคุมการทรงตัวและการเกาะถนนให้มากขึ้น อีกทั้งยังมีระบบควบคุมการลื่นไถล Anti-Slip Control (ASR) เสริมอยู่ เพื่อให้การรักษาเสถียรภาพของรถนั้นดียิ่งอีกหนึ่งระบบที่มีอยู่ในรถคันนี้คือระบบช่วยควบคุมการทรงตัวเมื่ออยู่บนเนิน หรือ PORSCHE Hill Control (PHC) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการควบคุมรถเมื่อต้องอยู่บนเขาที่มีความลาดชัน PORSCHE Traction Management ของระบบ Active All-Wheel Drive นั้นจะเน้นการส่งกำลังโดยตรงไปที่ล้อหลัง

          ระบบดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วย เกียร์แบ่งกำลัง (Transfer Case) ซึ่งต่ออยู่ถัดจากชุดเกียร์ โดยการกระจายกำลังนั้นจะถูกควบคุมโดยคลัทช์หลายแผ่นและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยการกระจายกำลังไปยังเพลาหน้าหรือเพลาหลังนั้นขึ้นอยู่กับสถานะของล้อแต่ละล้อว่ามีการลื่นไถลหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นระห่างการเร่งถ้าระบบพบว่าล้อหลังมีการลื่นไถลระบบจะสั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเพื่อส่งกำลังที่สูญเสียไปกับการลื่นไถลของล้อหลังไปยังล้อหน้า มากไปกว่านั้นการควบคุมดูแลสถานะของล้อแต่ละล้อตลอดเวลาการขับขี่นั้นยังสามารถทำให้ระบบนี้กลายเป็น Vehicle Dynamics หน่วยย่อย ๆ หน่วยนึงของรถเลยก็ว่าได้ เช่น เมื่อคนขับหมุนพวงมาลัยเข้าหาโค้ง แรงเข้าสู่ศูนย์กลางของล้อที่ถูกหมุนได้ถูกเพิ่มโดยการลดแรงขับเคลื่อนที่เพลาหน้า จึงทำให้รถโค้งได้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันเมื่อผู้ขับขี่เร่งออกจากโค้ง แรงขับเคลื่อนมากสุดจะถูกส่งตรงไปยังเพลาหน้าและเพลาหลังเพื่อให้รถออกจากโค้งได้อย่างรวดเร็ว


          ช่วงล่างไฟฟ้า ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติ

          ระบบกันสะเทือนหรือช่วงล่างทางด้านหน้าได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่โดยการปรับปรุงสปริงให้เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวรถและรูปแบบการขับขี่โดยระบบช็อคอับจะทำการปรับเปลี่ยน ด้วยไฟฟ้าและควบคุมแรงดันช็อคอับอย่างต่อเนื่องโดยขึ้นอยู่กับสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ในขณะนั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานได้ 3 โหมด นั่นคือ Comfort, Normal หรือ Sport โดยทั้ง 3 โหมดจะปรับเปลี่ยนอัตโนมัติขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรักษาเสถียรภาพของรถให้ดียิ่งขึ้นพร้อมด้วยช่วงล่างแบบถุงลมหรือ PORSCHE Active Suspension Management (PASM) สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่างช่วงล่างแบบถุงลม (Air Suspension) ได้การทำงานร่วมของสองระบบนี้จะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนช่วงล่างได้ 3 โหมดนั้นคือ Comfort, Normal และ Sport เมื่อต้องอยู่ในการขับขี่ทางไกล เพราะระบบนี้จะเพิ่มความสะดวกสบายให้มากขึ้น Air Struts ของระบบช่วงล่างทางด้านหน้าและด้านหลังจะเชื่อมต่อเข้ากับตัวรถโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการขับขี่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ




          ข้อมูลทางเทคนิค (Cayenne S Diesel)

          ตัวรถทำจากเหล็กน้ำหนักเบาถุงลมนิรภัย 2 จังหวะทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้างและศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยแบบผ้าม่านจากโครงหลังคาคลุมถึงกระจกข้างจากเสา Pillar A-C ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd 0.36 เครื่องยนต์บล็อกแบบเหล็กหล่อสีเทา เสื้อสูบและฝาสูบแบบอะลูมิเนียม ขนาดกระบอกสูบ 83 มม. x ช่วงชัก 95.5 มม. ขนาดความจุเครื่องยนต์ 4,134 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 16.4 : 1 ให้กำลัง 281 กิโลวัตต์ (382 แรงม้า) ที่รอบเครื่องยนต์ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 2,000-2,750 รอบต่อนาที ระบบวาส์วไฮดรอลิคแบบ Hydraulic Valve Lifter ระบบรางน้ำมันร่วมดีเซลและฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (2,000-2,750 รอบต่อนาที ระบบวาล์วไฮดรอลิคแบบ Hydraulic Valve Lifter ระบบรางน้ำมันร่วมดีเซลและฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (2,000 บาร์) ผ่าน Piezo-Controlled Injectors Turbochargers 2 ตัวมาพร้อมกับ Variable Turbine Geometry (VTG) อินเตอร์คูลเลอร์ 2 ตัวควบคุมระบบหมุนเวียนไอเสียด้วยคูลเลอร์ ตัวดักอากาศ 1 ตัวต่อสูบ และมาพร้อมกับ Map-Controlled Swirl Flap ใช้น้ำมันเครื่อง 10.2 ลิตร ผ่านระบบ Dual-Branch Emissions Control System, เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นและหม้อกรองเขม่าสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ระบบการจัดการความร้อน (Thernal Management) เพื่อวงจรหล่อเย็น ระบบสตาร์ท/หยุด เครื่องยนต์อัตโนมัติ (Auto Start/Stop Function)

          ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Active All-Wheel Drive  พร้อมด้วยการควบคุม Multi-Plate Clutch แบบไฟฟ้า (PORSCHE Traction Management PTM), ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด ช่วงล่างแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียม สปริงแบบเหล็กและท่อนยืดปีกนกล่างแบบเหล็ก ช็อคอับคู่ไฮตรอลิคช่วงล่างหลังแบบ Multi-Link Suspension พร้อมกับปีกนกที่ต่ำลง Upper Links แยกสองชิ้น สปริงแบบเหล็กและท่อนยืดปีกนกล่างเหล็ก ระบบเบรคแบบ Dual-Circuit Brake System ที่มีวงจรทำงานแยกระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง ระบบรักษาเสถียรภาพของรถ PRSCHE Stability Management (PTM) ระบบเบรค Vacuum Brake Booster ระบบช่วยเบรค (Brake Assist) ระบบเบรค 4 Pot อะลูมิเนียมโมโนบล็อคขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 330 มม. และหนา 28 มม.


 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี


ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
หนังสือยานยนต์ 
ปีที่ 45 เล่มที่ 561 กุมภาพันธ์ 2556




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
PORSCHE Cayenne S Diesel ที่สุดของรถเครื่องดีเซล อัปเดตล่าสุด 13 มีนาคม 2556 เวลา 13:57:15 8,126 อ่าน
TOP