ติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้มเท่าไหร่ดี และควรเลือกแบบไหน

ฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ควรเลือกใช้แบบไหน ความเข้มเท่าไหร่ดี พร้อมไขข้อสงสัยติดฟิล์มรถยนต์สีเข้มหรือทึบเกินไปผิดกฎหมายหรือไม่

อาการร้อนจัดแบบเมืองไทย ควรติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไหร่ถึงจะเอาอยู่ เพราะในแต่ละวันรถอาจต้องเจอกับแดดแบบหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งนอกจากความร้อนแล้ว แสงแดดยังมีรังสี UV ที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะกับคน หรืออุปกรณ์ภายในรถ ดังนั้น ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะเลือกติดฟิล์มรถยนต์ด้วยหลายเหตุผล ไม่ว่าจะช่วยลดแสง ลดความร้อน ลดรังสี หรือเพื่อความเป็นส่วนตัว ดังนั้น ความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์เลยกลายเป็นเรื่องที่ถูกนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรก ๆ ว่าควรจะเลือกเข้มหรืออ่อนขนาดไหนถึงจะพอดี ที่สามารถกันความร้อนได้ โดยไม่เข้มจนทำให้ทัศนวิสัยแย่ และไม่ใสจนรู้สึกไม่มีความเป็นส่วนตัว

ฟิล์มรถยนต์แต่ละแบบแต่ละยี่ห้อจะมีความเข้มให้เลือกหลายระดับ ซึ่งความเข้มข้นของฟิล์มนี้เองจะเป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณของแสงอาทิตย์ที่จะส่องเข้ามาภายในห้องโดยสาร โดยฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในปัจจุบันของไทยจะมีความเข้มให้เลือกโดยแบ่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ หลัก คือ 40%, 60% และ 80% ตามความเข้าใจของผู้บริโภค คือ ยิ่งค่าตัวเลขมาก ยิ่งเข้ม
 

• ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 40% คือ ฟิล์มติดรถยนต์ที่แสงสามารถส่องผ่านได้มาก ตัวฟิล์มจะมีความใส ไม่ทึบจนเกินไป มองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน 
   

• ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 60% คือ ฟิล์มติดรถยนต์ความเข้มปานกลาง ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังพอได้ชัดในเวลาแสงน้อย เช่น กลางคืน
   

• ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 80% คือ ฟิล์มติดรถยนต์ความเข้มสูง แสงส่องผ่านได้น้อย ให้ความเป็นส่วนตัว โดยส่วนใหญ่นิยมติดที่กระจกประตูทั้ง 4 บาน แต่ไม่นิยมติดที่กระจกหน้าและหลัง เนื่องจากความเข้มสูงทำให้การมองเห็นไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะยิ่งในเวลากลางคืน

แน่นอนว่าการติดฟิล์มรถยนต์ จุดมุ่งหมายหลักคือการช่วยลดความร้อนภายในห้องโดยสาร แต่อาจมีเหตุผลอื่นประกอบ เช่น เพื่อความเป็นส่วนตัว ความสวยงาม ทัศนวิสัย เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์ ไม่ใช่ค่าเดียวที่ต้องพิจารณา แต่ควรคำนึงถึงค่าอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การกันความร้อน การป้องกันรังสี UV รวมถึงรบกวนการทำงานของอุปกรณ์สื่อสาร หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เช่น บัตรทางด่วน หรือไม่

การติดฟิล์มรถยนต์ไม่ได้มีสูตรหรือข้อกำหนดแบบชัดเจนว่าต้องใช้ฟิล์มเข้มเท่านั้นเท่านี้ แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความสะดวกสบายในการขับรถ รวมถึงงบประมาณที่เราตั้งไว้ ส่วนใหญ่การติดฟิล์มรถยนต์จะมีทั้งแบบความเข้มเท่ากันหมดรอบคัน หรือความเข้มแบบไม่เท่ากัน เช่น 
 

• ติดฟิล์มกรองแสงแบบ 40:60 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 40% รอบคัน 60% เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทัศนวิสัยการมองเห็นที่เคลียร์ชัด หรือขับรถในเวลากลางคืนบ่อย
   

• ติดฟิล์มกรองแสงแบบ 60:80 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 60% รอบคัน 80% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือขับรถในช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก
   

แต่ถ้าทัศนวิสัยหรือการมองเห็นไม่ได้เป็นอุปสรรค เน้นความเป็นระเบียบหรือความสวยงามของตัวรถยนต์ ก็สามารถติดฟิล์มที่มีความเข้มเท่ากันทั้งหมดได้

ปัจจุบัน ไทยได้ยกเลิกใช้กฎหมายการติดฟิล์มกรองแสงเข้มหรือทึบเกินไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เว้นแต่การห้ามติดฟิล์มรถยนต์แบบปรอท แม้ตัวฟิล์มจะมีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดี แต่ด้วยความที่มีลักษณะเป็นสีเงิน เพราะการเคลือบปรอททำให้เหมือนกระจกเงาสะท้อนแสง ทำให้เกิดแสงแยงตาส่งผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถยนต์คันอื่นบนท้องถนน จึงเข้าข่ายความผิดกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎในกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว

ทั้งนี้ การเลือกฟิล์มรถยนต์ ผู้ขับหรือเจ้าของรถควรพิจารณาถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ละเอียด ควรไปดูความเข้มหรือสีของฟิล์มก่อนทำการติดตั้ง และที่สำคัญควรเลือกร้านหรือผู้ให้บริการการติดตั้งที่ได้มาตรฐานและมีการรับประกันกรณีฟิล์มชำรุด เพราะฟิล์มรถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูง หากติดตั้งไม่ดี หรือชำรุดเสียหาย อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม 

บทความที่เกี่ยวข้องกับฟิล์มติดรถยนต์

• ติดฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี กันแดด กันร้อน พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะสม
• ฟิล์มกันรอยรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยกันสะเก็ดหิน รอยขีดข่วน

ขอบคุณข้อมูลจาก : paultan.org, americanwrapco.com, moditecfilm.com, tqm.co.th