Toyota Pixis Joy เค-คาร์ คันใหม่เปิดตัวแล้วในญี่ปุ่น มีให้เลือก 3 เกรด 3 สไตล์ (พร้อม ๆ กับฝาแฝดในเครือ Daihatsu Cast) เพื่อเพิ่มความสดใสให้กลุ่ม เค-คาร์ ในตระกูล Pixis Series ด้วยสไตล์เรโทรขี้เล่น เน้นไลฟ์สไตล์สนุกสนาน จากเดิมที่มีแค่ Toyota Pixis Epoch (คู่แฝด Daihatsu Mira) แฮตช์แบ็ก 5 ประตู หน้าตาเรียบ ๆ, Pixis Van/Truck เพื่อการพาณิชย์ และรถทรงกล่องสุดจ๊าบ Pixis Mega
แค่ชื่อก็บ่งบอกคาแรคเตอร์ชัดเจนว่า Toyota Pixis Joy นั้นมาพร้อมความแฟนซี ด้วยตัวถังขนาดจิ๋วที่เรียกว่า เค-คาร์ (Kei-Car หรือ ไค จิโดฉะ Kei Jidosha แปลว่า Light Car) ทรงแฮตช์แบ็ก 5 ประตู และไม่ได้เป็นทรงกล่องเหมือนกับ Toyota Pixis Mega สุดแนว เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายให้ต่างออกไปชัดเจน องค์ประกอบด้านหน้าสไตล์เรโทร ดวงตากลม กระจังหน้าเหมือนอ้าปากกว้างดูแบ๊ว ๆ ส่วนไฟท้ายทรงกลมรับกับไฟด้านหน้า ซึ่งนอกเหนือจากดีไซน์ที่สะดุดตาแล้ว Toyota Pixis Joy ยังมีลูกเล่นในเรื่องของสีตัวถังจี๊ด ๆ และเลือกสีหลังคาได้หลากหลาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเกรด รุ่นย่อยและสีที่อาจมีให้ไม่เท่ากัน
ส่วนภายในห้องโดยสารก็มาในแบบเรียบง่ายแต่มีลูกเล่นนู่น นี่ นั่น ตามสไตล์ เค-คาร์ แดนปลาดิบ แผงหน้าปัดด้านหน้าแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ในแนวนอนคือด้านบนสุดใช้โทนสีดำเป็นหลักลดแสงสะท้อน มีช่องแอร์ทรงกลมซ้าย-ขวา ในขณะที่ชั้นที่สองเดินแนวแถบประดับเล่นสีตามสีตัวถังภายนอกเลย แต่จะมี Texture แตกต่างกันไป 2-3 แบบ แล้วแต่เกรด รวมถึงเป็นที่ตั้งของจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใต้จากนั้นก็เป็นช่องแอร์ และต่ำลงไปอีกก็เป็นคันเกียร์และแผงควบคุมระบบปรับอากาศ
Toyota Pixis Joy เกรด S
Toyota Pixis Joy เกรด C
Toyota Pixis Joy เกรด C
ทั้งนี้แผงหน้าปัดของ Toyota Pixis Joy ทำแยก 2 แบบ โดยเกรด F จะแตกต่างจากเกรด C และ S ตั้งแต่แถบประดับลงมา ส่วนอีก 2 เกรด ที่เหลือจะได้ชุดแผงหน้าปัดแบบเดียวกันคือมีช่องเก็บของเปิดโล่งใต้แผงประดับ (เกรด F ปิดทึบ) แต่ก็ยังตกแต่งมาต่างกันโดยเกรด C ที่เป็นแนวครอสโอเวอร์จะใช้แผงประดับรอบอุปกรณ์และคันเกียร์สีเงิน ส่วนเกรด S ที่เน้นอารมณ์สปอร์ตได้สีดำ Piano Black
Toyota Pixis Joy เกรด F
Toyota Pixis Joy เกรด C
Toyota Pixis Joy เกรด C
นอกจากนี้เบาะนั่งเกรด C และ S ก็จะเหมือนกันคือเดินตะเข็บลอนแนวขวางถี่ ๆ ทั้งพนักพิงหลังและเบาะรองนั่งมาให้ด้วยสำหรับบางรุ่นย่อย เพียงแต่เกรด S หุ้มหนังมีให้เลือกดำ หรือขาวที่เย็บแบบโชว์ตะเข็บ ส่วนเกรด C หุ้มผ้าดำตัดด้วยสีเทาที่ปีกเบาะซ่อนตะเข็บ และเกรด F มาแบบเรียบ ๆ เลย สีทูโทนครีม-เทา ในขณะที่แผงประตูทั้ง 4 บาน ของเกรด C จะตกแต่งตามสีตัวถัง เป็นกิมมิกพิเศษเพิ่มสีสันให้สดใสกว่าเกรดอื่น
มาถึงขุมพลังของ Toyota Pixis Joy นั้นคงไม่สามารถมีเครื่องยนต์ขนาดความจุมากกว่า 660 ซีซี ได้ เพราะจะเกินข้อกำหนดของ เค-คาร์ ของญี่ปุ่น ซึ่งทุกเกรดใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันหมด ให้กำลังสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที และแรงบิด 60 นิวตันเมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที หากคิดว่าแรงไม่สะใจก็ต้องเลือกรุ่นย่อยที่ติดตั้งเทอร์โบมาให้ จะมีกำลังเพิ่มเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิด 92 นิวตันเมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที (สำหรับเกรด S เป็นเครื่องเทอร์โบทั้งหมด) แต่ Toyota Pixis Joy ทุกเกรดมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ CVT เท่านั้น ส่วนระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ
สำหรับการแบ่งเกรดของ Toyota Pixis Joy นั้นมีทั้งหมด 3 สไตล์คือ C (Cross Over), F (Fashion) และ S (Sport) โดยแต่ละเกรดจะมีรายละเอียดการตกแต่งภายนอก-ภายในต่างกันในแนวทางของตัวเอง อย่างเกรด C ก็จะมีความสูงใต้ท้องรถมากกว่าเกรดอื่นที่ 180 มม. ซึ่งทุกเกรดจะมีรุ่นย่อย ๆ ลงไปอีกเพียบและจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรวมถึงระบบความปลอดภัยล้ำ ๆ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า หรือระบบเตือนเมื่อไม่อยู่ในช่องทางจราจร เป็นต้น
ส่วนราคาของ Toyota Pixis Joy ใหม่ เริ่มต้นที่ 1,220,400 เยน (ประมาณ 4.1 แสนบาท) ในเกรด C และ F ไปจนถึง 1,744,200 เยน (5.8 แสนบาท) สำหรับเกรด S แต่นี่ยังไม่รวมออปชั่นตกแต่ง และอุปกรณ์ที่มีให้เลือกอย่างสนุกสนานจนทำให้ราคาพุ่งไปเฉียด 2,000,000 เยน (ประมาณ 6.7 แสนบาท) ได้แบบไม่ทันตั้งตัว