โลกเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหนผู้ผลิตรถยนต์ยิ่งต้องไปให้เร็วกว่าเพราะถ้ามัวแต่เชื่องช้าก็จะยิ่งล้าหลังและถูกแซงหน้าไปไกลจนไม่มีใครมองเห็นอีกต่อไป แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่กับ Nissan ยักษ์รองของญี่ปุ่นที่ทุ่มสุดใจด้วยการโชว์นวัตกรรมใหม่เพื่ออนาคตทั้ง Nissan e-Bio Fuel Cell รวมถึงรถสปอร์ตโปรโตไทป์ไร้มลพิษอย่าง Nissan BladeGlider ที่ตอนนี้วิ่งทดสอบจริงในบราซิลแล้วทั้ง ๆ ที่ เมื่อ 3 ปีก่อนยังเป็นแค่รถแนวคิดโชว์ตัวบนเวทีในงาน โตเกียว ออโต้ โชว์ เท่านั้น
ใช่ Tesla ก็มี Tesla Roadster รถสปอร์ตพลังไฟฟ้ามาก่อน แต่ถ้าเอามาจอดคู่กัน Nissan BladeGlider ย่อมสะกดสายตาไว้ได้นานกว่าไม่จะว่าชอบหรือเกลียดก็ตาม เพราะ Nissan ตั้งใจให้ BladeGlider ดูแปลกล้ำอนาคตด้วยด้านหน้าที่ลู่แหลมฐานล้อหน้าแคบกว่าด้านหลังที่ขยายออกเป็นทรงหัวลูกศรพร้อมพุ่งไปด้านหน้า เพื่อแหวกกระแสลมได้ดีรวมถึงการบังคับควบคุมที่มั่นคงยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ประตูแบบไดฮีดรอล ดอร์ (dihedral doors) ที่เหวี่ยงเปิดย้อนไปด้านหลังเหมือนอ้าแขนต้อนรับนั้นน่าตื่นตากว่าและยังทำให้เข้าออกได้สะดวก ส่วนหลังคาแบบ Open-Topped สามารถถอดได้ยามที่ต้องการเป็น Roadster เต็มตัว หรือจะครอบหลังคาขับแบบ Coupe ยามที่อยากซิ่งในสภาพอากาศไม่เป็นใจก็ทำได้เช่นกัน
ส่วนห้องโดยสารของ Nissan BladeGlider ได้รับการออกแบบให้ออกมาสปอร์ตมากที่สุด ซึ่งจะมี 3 ที่นั่ง คือผู้ขับขี่ 1 และด้านหลังแยกออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อที่จะได้มีพื้นที่วางขา โดยทุกตำแหน่งเป็นเบาะแบบบักเก็ตซีตหุ้มด้วยผ้าที่เคลือบอีพ็อกซี่เรซิน (เรซินที่ให้เนื้อเรซิ่นมากกว่าเรซิ่นปกติ ทนและกันความร้อนได้ดีทำให้ดูแลรักษาง่าย) ตกแต่งในโทนสีดำ-ส้ม (และมีดำ-เขียวด้วย) พร้อมเข็ดขัดนิรภัยแบบ 4 จุดทั้งหมด
ทางด้านแผงหน้าปัดเน้นความล้ำสมัยด้วยจอแสดงผลมากมาย รวมถึงบนพวงมาลัยเพื่อบอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น ความเร็ว สถานะแบตเตอรี่ กราฟแรงบิด ส่วนจอมุมซ้าย-ขวาทั้งสองข้างจะฉายภาพจากกล้องแทนกระจกมองข้างแบบเดิมที่กลายเป็นของตกยุคสำหรับ Nissan BladeGlider
นอกจากรูปทรงที่ต้องไปไกลกว่ารถสปอร์ตในปัจจุบันแล้ว Nissan BladeGlider จำเป็นต้องมีขุมพลังขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่ไร้มลพิษแบบ Zero-emission และยังตอบสนองได้เร้าใจกว่าด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ล้อคู่หลัง ให้กำลังรวมกันสูงสุด 268 แรงม้า และแรงบิดมากมายถึง 707 นิวตันเมตร
ซึ่งงานนี้ Nissan ร่วมมือกับ Williams Advanced Engineering หากไม่คุ้นชื่อให้นึกถึงทีม Williams ในการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ F1 คงน่าจะพอจินตนาการได้ว่าสมรรถนะการขับขี่จะมีความบันเทิงขนาดไหน ซึ่งทำความเร็วได้ 190 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 ภายในเวลาต่ำกว่า 5 วินาที ในขณะที่ตัวรถเบาแค่ 1,300 กิโลกรัมเท่านั้น แม้ว่าความเร็วระดับนี้จะไม่ได้มากมายแต่ความหรรษาในการขับขี่รถสปอร์ตนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยโดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีแรงม้าเยอะหรือความเร็วสูงสุดปานจรวดเสมอไป
Nissan BladeGlider ไม่ใช่แค่อดีตรถสปอร์ตตัวโชว์อีกต่อไปแต่เป็นของจริงที่วิ่งได้แล้วในปัจจุบันและคาดว่าจะเป็นอนาคตของ Nissan ด้วยเช่นกัน
world_id:57ac35c74d265aef938b4569
ภาพจาก Nissan
