ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikihow
สำหรับการดูแลรถยนต์วันนี้ กระปุกคาร์มีคำแนะนำในการเปลี่ยนแบตเตอรี่มาฝากครับ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์กันก่อนครับ
แบตเตอรี่รถยนต์ไม่ใช่แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดชาร์จซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนซึ่งใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ รถก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดร์ชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น ทำให้มีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็ม แบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียวเฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และระบบต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด และทำงานแล้ว ไดชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออกไป และ ถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้าออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้กันมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
1. แบบเปียก นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติม และ ดูแลน้ำกลั่นบ่อย ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี
2. แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และมีราคาแพง แบตเตอรี่แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟชาร์จ
โอกาสที่แบตเตอรี่จะหมดก็มีแค่แบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าไม่อยู่กับไดชาร์ตทำงานไม่ปกติ ซึ่งอาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติด หรือการทำงานไฟฟ้าขัดข้อง ถ้าเพื่อนๆรู้ถึงการทำงานของแบตเตอรี่แล้ว เรามาดูวิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่กันเลยครับ
อุปกรณ์ที่เตรียม
1.แบตเตอรี่ใหม่
2.ประแจไข
3.จารบีสำหรับแบตเตอรี่
4.ถุงมือยาง
5.อุปกรณ์ช่างต่าง ๆ
Olaru Radian-Alexandru / Shutterstock.com
Olaru Radian-Alexandru / Shutterstock.com
ขั้นตอนแรก จอดรถให้มั่นคง เข้าเกียร์และเบรคมือให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการไหลของรถ 
ขั้นตอนที่ 2 เปิดฝากระโปรงหน้า ใส่ถุงมือยางให้เรียบร้อย เตรียมถอดแบตเตอรี่ 
ขั้นตอนที่ 3 ถอดแบตเตอรี่เก่าออก โดยถอดจากขั้วลบก่อน แล้วค่อยถอดขั้วบวก 
ขั้นตอนที่ 4 ดึงแบตเตอรี่ออกจากช่อง 
ขั้นตอนที่ 5 นำแบตเตอรี่ใหม่ใส่ลงไปในช่อง 
ขั้นตอนที่ 6 ใส่ขั้วแบตเตอรี่โดยใส่จากขั้วบวกก่อน แล้วค่อยใส่ขั้วลบ 
ขั้นตอนที่ 7 ฉีดจารบีลงไปเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพ 
ขั้นตอนที่ 8 ทดสอบการทำงาน ไม่ยากเลยใช่ไหมครับสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ส่วนสำหรับแบตเตอรี่เก่านั้น ให้นำไปส่งร้านขายแบตเตอรี่หรืออู่ซ่อมทั่วไปได้ครับ ไม่ควรทิ้งลงในถังขยะทันทีเพราะ แบตเตอรี่เป็นขยะมีพิษ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อมมาก แล้วคราวหน้ากระปุกคาร์จะนำเสนอวิธีการดี ๆ ที่ทำเองได้มาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันนะครับ
