ยางรถยนต์ขอบ 17 ยี่ห้อไหนดี ประเภทนุ่มเงียบ เน้นความสบายในการขับขี่สำหรับรถเก๋ง และรถ SUV พร้อมขนาดและราคายางรถยนต์ มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
แนะนำ ยางรถยนต์ขอบ 17 ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นยางประเภทนุ่มเงียบ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสบายในการเดินทาง ให้ความนุ่มนวลสูง เสียงรบกวนต่ำ มากกว่าการขับแบบสปอร์ต ทั้งสำหรับรถยนต์นั่งว่าปัจจุบันมียางรถยนต์นุ่มเงียบขอบ 17 ยี่ห้อไหนน่าสนใจ มีขนาดให้เท่าไหร่บ้าง รวมถึงราคาคร่าว ๆ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนยางเส้นใหม่
ยางรถยนต์ขอบ 17 ยี่ห้อไหนดี
อัปเดตยางนุ่มเงียบขอบ 17 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ซึ่งยางกลุ่มนี้จะให้ความนุ่มนวลในการขับขี่สูง เสียงรบกวนต่ำ ซึ่งต้องแลกกับความทนทาน รวมถึงการบังคับควบคุมที่ลดลงไปบ้าง แต่ให้ความสบายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้างไปเช็กกันเลย
1. Yokohama Advan DB V552
Yokohama Advan DB V552 ยางนำเข้าจากญี่ปุ่น มีดอกยางที่ถูกลบเหลี่ยม ทำให้วิ่งได้นุ่มเงียบยาวนานขึ้น ร่องยางบิดเป็นเกลียว เพิ่มความแข็งแรงให้กับดอกยาง ลดการสึกหรอ
ราคายางรถยนต์ขอบ 17 ของ Yokohama Advan DB V552 (ต่อเส้น)
-
ขนาด 205/45 R17 ราคา 4,900 บาท
-
ขนาด 215/45 R17 ราคา 5,950 บาท
-
ขนาด 215/50 R17 ราคา 5,400 บาท
-
ขนาด 215/55 R17 ราคา 5,400 บาท
-
ขนาด 215/60 R17 ราคา 6,650 บาท
-
ขนาด 225/45 R17 ราคา 7,050 บาท
-
ขนาด 225/50 R17 ราคา 6,200 บาท
-
ขนาด 225/55 R17 ราคา 6,800 บาท
-
ขนาด 225/60 R17 ราคา 6,850 บาท
-
ขนาด 235/55 R17 ราคา 7,400 บาท
-
ขนาด 245/45 R17 ราคา 7,900 บาท
2. Michelin Primacy 4
ยาง Michelin Primacy 4 มีลายดอกยางดีไซน์พิเศษด้วยเทคโนโลยี Silent Rib ด้วยแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยาง ทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมระหว่างบล็อกของดอกยาง เพื่อลดการสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสาร และดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ให้การขับขี่ที่นุ่มและเงียบสบาย
ราคายางรถยนต์ขอบ 17 ของ Michelin Primacy 4 (ต่อเส้น)
-
ขนาด 205/50 R17 ราคา 6,150 บาท
-
ขนาด 205/55 R17 ราคา 6,190 บาท
-
ขนาด 215/45 R17 ราคา 6,290 บาท
-
ขนาด 215/50 R17 ราคา 5,890 บาท
-
ขนาด 215/55 R17 ราคา 6,290 บาท
-
ขนาด 215/60 R17 ราคา 7,150 บาท
-
ขนาด 225/45 R17 ราคา 7,250 บาท
-
ขนาด 225/50 R17 ราคา 6,290 บาท
-
ขนาด 225/55 R17 ราคา 7,490 บาท
-
ขนาด 225/60 R17 ราคา 7,290 บาท
-
ขนาด 235/55 R17 ราคา 8,190 บาท
-
ขนาด 245/45 R17 ราคา 8,390 บาท
3. Bridgestone Turanza T005A
ยาง Bridgestone Turanza T005A ใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวน บล็อกดอกยางที่มีลักษณะและขนาดที่ต่างกัน รวมถึงร่องดอกยางมีการปรับให้อยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อลดแรงกระแทกและเสียงรบกวนขณะขับ
ราคายางรถยนต์ขอบ 17 Bridgestone Turanza T005A (ต่อเส้น)
-
ขนาด 215/45 R17 ราคา 6,150 บาท
-
ขนาด 215/50 R17 ราคา 5,000 บาท
-
ขนาด 215/55 R17 ราคา 4,650 บาท
-
ขนาด 215/60 R17 ราคา 6,500 บาท
-
ขนาด 225/45 R17 ราคา 6,700 บาท
-
ขนาด 225/50 R17 ราคา 5,600 บาท
-
ขนาด 225/55 R17 ราคา 6,800 บาท
-
ขนาด 235/45 R17 ราคา 8,100 บาท
-
ขนาด 235/55 R17 ราคา 8,200 บาท
-
ขนาด 245/45 R17 ราคา 8,200 บาท
4. Dunlop SP SPORT LM705
ยาง Dunlop SP SPORT LM705 ใช้แก้มยางที่ออกแบบมาให้ช่วยดูดซับแรงกระแทกกับพิ้นผิวถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้ายางและดอกยางยังช่วยลดแรงกระแทกรวมถึงอาการสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนน ส่งผลให้การขับมีความนุ่มนวล เสียงรบกวนต่ำ
ราคายางรถยนต์ขอบ 17 Dunlop SP SPORT LM705 (ต่อเส้น)
-
ขนาด 205/45 R17 ราคา 3,600 บาท
-
ขนาด 215/45 R17 ราคา 3,900 บาท
-
ขนาด 215/50 R17 ราคา 4,200 บาท
-
ขนาด 215/55 R17 ราคา 4,400 บาท
-
ขนาด 215/60 R17 ราคา 5,400 บาท
-
ขนาด 225/45 R17 ราคา 5,300 บาท
-
ขนาด 225/50 R17 ราคา 4,800 บาท
-
ขนาด 225/55 R17 ราคา 5,500 บาท
-
ขนาด 235/45 R17 ราคา 6,000 บาท
-
ขนาด 245/45 R17 ราคา 6,300 บาท
5. Goodyear Assurance Tripplemax2
ยาง Goodyear Assurance Tripplemax2 ใช้เทคโนโลยีไฮโดรเทรด (HydroTred Technology) ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและเบรกบนถนนเปียกได้ดีขึ้น ลายดอกยางเป็นแบบอสมมาตร เพิ่มสมรรถนะในการควบคุมทิศทาง รวมถึงการตอบสนองของพวงมาลัยและการเข้าโค้ง นอกจากนี้ยังลดขนาดของร่องดอกยางบริเวณไหล่ยาง เพิ่มจำนวนความถี่ของดอกยางให้มากขึ้น ช่วยลดเสียงจากหน้าสัมผัส เพื่อการขับที่นุ่มนวล
ราคายางขอบ 17 Goodyear Assurance Tripplemax2 (ต่อเส้น)
-
ขนาด 205/45 R17 ราคา 2,850 บาท
-
ขนาด 205/50 R17 ราคา 3,450 บาท
-
ขนาด 215/45 R17 ราคา 3,000 บาท
-
ขนาด 225/45 R17 ราคา 3,500 บาท
-
ขนาด 225/50 R17 ราคา 3,520 บาท
-
ขนาด 225/55 R17 ราคา 3,660 บาท
ความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์
วิธีเลือกซื้อยางรถยนต์
แม้หน้าที่หลักของยางรถยนต์จะซับแรงสะเทือน รับน้ำหนัก และช่วยให้รถยึดเกาะถนน แต่ยางรถยนต์ที่จำหน่ายนั้นถูกแยกย่อยเอาไว้หลายแบบสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ เราควรต้องทราบว่าลักษณะการใช้งานหรือพฤติกรรมการขับขี่เป็นอย่างไรเสียก่อน เพื่อจะได้เลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสมถูกต้อง เช่น ใช้น้อย ระยะทางสั้น ๆ ขับไม่เร็ว อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยางรุ่นท็อป ราคาสูงสุดเสมอไป สามารถเลือกยางประหยัดน้ำมัน หรือยางแบรนด์ที่ราคาไม่แพงมากได้ เพราะใช้คุณสมบัติได้ไม่คุ้มค่า
แต่ถ้าชอบใช้ความเร็วสูง เน้นการยึดเกาะ ยางแบบสปอร์ตจะมีความเหมาะสมมากกว่า หรือกรณีชอบความนุ่ม เงียบ นั่งสบาย ควรต้องเลือกยางกลุ่มนุ่มเงียบ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะแบ่งประเภทยางใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ควรเลือกยางรถยนต์ตามลักษณะรถ เช่น รถเก๋ง รถ Crossover SUV รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะ หรือยางออฟโรดโดยเฉพาะ เป็นต้น
นอกจากการเลือกประเภทยางให้เหมาะสมกับความต้องการแล้ว การซื้อยางรถควรพิจารณาถึงปีที่ผลิต ซึ่งจะระบุไว้ที่แก้มยาง และไม่ควรเลือกยางที่ผลิตนานมากเกินไป เพราะถึงยางจะไม่ถูกใช้งาน แต่เนื้อยางจะเสื่อมสภาพตามเวลา หากได้ยางปีเก่ามาใช้จะทำให้อายุยางเสื่อมเร็วกว่ายางปีใหม่ ทำให้ต้องเปลี่ยนยางเร็วขึ้น หรือประสิทธิภาพต่ำลงเร็ว เมื่อเทียบกับยางปีใหม่กว่า เป็นต้น
ยางรถยนต์มีกี่แบบ
หากจะแบ่งประเภทของยางรถยนต์ตามสไตล์การขับขี่ หรือการใช้งาน จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ ยางนุ่มเงียบ, ยางประหยัดน้ำมัน, ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง, ยางออฟโรด, ยาง RunFlat และยางรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
ยางนุ่มเงียบ
ยางรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องรองรับการกระแทกได้ดี ให้ความนุ่ม ลดเสียงรบกวน เนื้อยางออกแบบให้ลดการสั่นสะเทือน ร่องดอกยางละเอียด ตัวยางมีผิวสัมผัสที่กระจายแรงกดแบบสม่ำเสมอ
ยางประหยัดน้ำมัน
ยางรถยนต์ที่มีส่วนผสมของ Silica Filter ให้คุณสมบัติในการทนความร้อนได้ดีกว่าเมื่อเกิดแรงเสียดทานในขณะขับ เนื้อยางไม่เหนียวเกาะถนนมากเกินไป ลดแรงต้านการหมุนของล้อ ทำให้เครื่องยนต์ไม่สูญเสียกำลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ประสิทธิภาพการเกาะถนนจะไม่สูงเท่ายางกลุ่มอื่นนัก
ยางสปอร์ต
ยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติการยึดเกาะ ให้ความมั่นคงดีกว่ายางชนิดอื่น ๆ ให้การควบคุมและการตอบสนองกับพวงมาลัยที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการขับด้วยความเร็วและพื้นถนนที่เรียบ อาจจะรองรับแรงกระแทกได้ไม่มากเท่าไหร่เมื่อขับบนสภาพถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ
ยางออฟโรด
ยางที่มีความสมบุกสมบัน มีความแข็งแกร่ง เหมาะกับการขับในทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นดินโคลน พื้นทราย ลุยน้ำ ฝนตก แดดออก ทางลาดชัน พื้นผิวขรุขระ มีแรงเกาะถนนเป็นเยี่ยม ตอบสนองกับพวงมาลัยได้ดี
ยาง RunFlat
อีกหนึ่งเทคโนโลยียางรถยนต์ที่แม้ตัวยางจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดปัญหา แต่รถจะยังสามารถขับได้อยู่ เช่น รั่ว หรือซึม ส่วนมากใช้ในรถยุโรป และราคายางค่อนข้างสูง
ยางรถยนต์ไฟฟ้า
เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่มักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถปกติในขนาดที่เท่ากัน เนื่องจากต้องแบกแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องใช้ยางที่สามารถรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โดยมีผลกระทบกับการดูดซับแรงสะเทือน เกาะถนนน้อยที่สุด รวมถึงการลดเสียงรบกวนขณะแล่น
วิธียืดอายุการใช้งานยางรถยนต์
แม้ยางรถยนต์จะเป็นอุปกรณ์ของรถยนต์ที่มีอายุหรือมีวันที่จะเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน แต่ผู้ที่ขับรถยนต์ทุกคนสามารถจะยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ให้ยาวนานขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเรา
เช็กลมยาง และเติมลมยางให้พอดี
เราควรหมั่นตรวจเช็กลมยางรถยนต์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ควรเติมลมยางให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการเติมลมยางที่อ่อนหรือแข็งจนเกินไปจะส่งผลให้การสึกของดอกยางไม่เท่ากัน รวมถึงสมรรถนะขณะขับขี่ที่อาจด้อยประสิทธิภาพลง
สลับยาง ถ่วงล้อ และตั้งศูนย์
แม้ยางรถยนต์จะสัมผัสกับพื้นพร้อมกันทั้ง 4 ล้อ แต่การสึกของดอกยางจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะยางคู่หน้า ในรถยนต์ทั่วไปจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ยางหน้าจะต้องรับแรงกระชากเมื่อรถออกตัว รวมถึงต้องแบกน้ำหนักของเครื่องยนต์ จึงจำเป็นต้องมีการสลับยาง เพื่อให้ดอกยางทั้ง 4 ล้อสึกเท่ากัน ร่วมถึงการตั้งศูนย์และถ่วงล้อ เพราะเมื่อใช้งานไปสักระยะ การกระจายน้ำหนักและศูนย์ของล้ออาจมีองศาที่เอียง ส่งผลให้การขับขี่ ควบคุมรถ ทำได้ไม่ดี
ลักษณะการขับรถ
ยางรถยนต์ถึงแม้จะมีคุณสมบัติการรับน้ำหนัก รองรับการกระแทกได้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าขับรถด้วยความไม่ระมัดระวัง เช่น ขับลงหลุม ขับเบียดทางเท้า ไม่หลบสิ่งกีดขวาง หักเลี้ยว หรือเบรกอย่างรุนแรง ก็จะทำให้อายุของยางนั้นสั้นลงกว่าค่าเฉลี่ยได้ หรือหากร้ายแรงจนถึงขั้นชำรุดก็เสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิด แตก ขณะขับได้เช่นกัน
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ ?
ค่าเฉลี่ยในการเปลี่ยนยางรถยนต์ในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ผู้ผลิตมักกำหนดไว้ที่ 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและลักษณะของการขับขี่ด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่นอกจากตัวเลขค่าเฉลี่ยแล้ว คนขับก็สามารถสังเกตลักษณะของยางรถยนต์ตัวเองได้เช่นกันว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือไม่ โดยดูได้จาก
สะพานยาง
ให้สังเกตส่วนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างดอกยาง หรือสะพานยาง ถ้าดอกยางสึกจนอยู่ในระดับเดียวกับสะพานยาง หรือใช้มือสัมผัสแล้วรู้สึกว่าสะพานยางอยู่ตื้นมาก นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่แล้ว
ดอกยาง
โดยปกติดอกยางใหม่จะลึกประมาณ 8-9 มิลลิเมตร แต่ถ้าดอกยางเหลือไม่ถึง 3 มิลลิเมตรแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที หากไม่มีอุปกรณ์วัดสามารถตรวจสอบได้โดยการสังเกต หรือใช้ไม้ขีดไฟจิ้มลงไป หากมองเห็นหัวไม้ขีดไฟ ถือว่าดอกยางบางและเหลือน้อย ถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่
ยางบวม
ยางบวมมักจะเกิดขึ้นในส่วนของแก้มยาง ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการขับรถเสียดสีอย่างรุนแรง อาจเป็นการชนขอบทางเท้า ขับรถตกหลุม รวมถึงยางที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพ หากฝืนใช้งานต่อไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดหรือแตกกลางทางได้
เช็กความแข็งกระด้าง-รอยแตกลายงา
ผิวยางรถยนต์ใหม่ ๆ จะมีความเงา เนื้อยางนิ่มระดับหนึ่ง แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะผิวยางจะเริ่มแข็งกระด้าง ไปจนถึงปรากฏรอยแตกลายงา ซึ่งจะส่งผลต่อความทนทานของแก้มยาง การเกาะถนนและเบรกเป็นอย่างมาก แม้จะยังไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนในทันที แต่อายุของการใช้งานนั้นก็เหลือไม่มากเช่นกัน ควรหมั่นตรวจสอบเป็นประจำก่อนการขับขี่
ดูตัวเลขที่บริเวณแก้มยาง
ยางรถยนต์บางทีเมื่อสังเกตจากสภาพภายนอกอาจดูใหม่ ไร้ริ้วรอย แต่จริง ๆ อาจผลิตออกมาหลายปีแล้ว แม้จะยังใช้งานได้ แต่เนื้อยางนั้นจะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ วิธีการดูปีที่ผลิตของยางรถยนต์นั้นดูได้จากตัวเลขบริเวณแก้มยาง
รหัส 4 ตัวบนแก้มยาง โดยจะระบุเป็น WW/YY หมายถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น 0722 หมายถึงยางที่ผลิตในสัปดาห์ที่ 7 ปี 2022 หรือผลิตในช่วงสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 นั่นเอง (1 ปี จะมี 52 สัปดาห์)
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงยางรถยนต์บางส่วนที่เราหยิบยกมาให้ดูกัน ส่วนยี่ห้อไหน รุ่นไหน จะมีขนาดใดบ้าง และราคาเท่าไร ควรสอบถามทางร้านหรือตัวแทนจำหน่ายก่อนทำการเปลี่ยนให้ละเอียดอีกครั้ง สำหรับใครที่งบน้อย การเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หรือปีการผลิตใหม่ ๆ อาจมีราคาสูง การหันไปเลือกยางค้างปีหรือยางเปอร์เซ็นต์สามารถทำได้ แต่ประสิทธิภาพย่อมด้อยกว่า และต้องตรวจสอบปีที่ผลิต รวมถึงศึกษาวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุก่อน แต่ที่สำคัญไม่ว่ายางรถยนต์จะมีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน ถ้าเราขับรถด้วยความประมาทก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์รถยนต์
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : yokohamathailand.com, michelin.co.th, bridgestone.co.th, dunloptire.co.th และ goodyear.co.th