เอกสารต่อใบขับขี่ 2567 ต้องเตรียมอะไรบ้าง ใช้ใบรับรองแพทย์หรือเปล่า พร้อมขั้นตอนในการต่ออายุใบขับขี่ทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ อบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ไหม และเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร มาดูกัน
ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถ คือเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกออกไว้ให้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถขับขี่รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือยานพาหนะต่าง ๆ ตามแต่ประเภทของใบขับขี่บนท้องถนนได้ โดยได้ผ่านการอบรมข้อกฎหมายจราจรและทำการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารทางราชการอย่างหนึ่งที่มีการสิ้นอายุ หรือกำหนดในการใช้งาน ซึ่งจะต้องดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ก่อนจะถึงวันสิ้นอายุ ปัจจุบันวิธีการต่ออายุใบขับขี่นั้นเปลี่ยนลักษณะดำเนินการไปพอสมควร จากที่เดิมทีต้องจองคิวต่อใบขับขี่ล่วงหน้า ปัจจุบันสามารถต่อใบขับขี่ไม่ต้องจองคิวได้แล้ว
วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลการต่อใบขับขี่ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การจองคิวทำใบขับขี่ที่ยังสามารถทำได้ การอบรมใบขับขี่ออนไลน์ การเดินทางไปต่อใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ และข้อมูลในเรื่องอื่น ๆ มาแนะนำกัน
ใบขับขี่ หรือใบอนุญาตขับรถ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ประเภท ส่วนบุคคล (บ.) จะใช้สำหรับรถในการขนส่งส่วนบุคคล หรือรถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีขาว ตัวเลข และตัวอักษรสีดำ
- ประเภท ทุกประเภท (ท.) จะใช้สำหรับรถสาธารณะ รถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง ซึ่งใบอนุญาตขับรถประเภททุกประเภทนั้น สามารถใช้ทดแทน ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้
ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถหากแบ่งตามอายุในการใช้งานจะมีทั้งหมด 3 แบบ ด้วยกัน ได้แก่
- ใบขับขี่ชนิดขั่วคราว 2 ปี
- ใบขับขี่ชนิด 5 ปี
- ใบขับขี่ตลอดชีพ (ปัจจุบันยกเลิกแล้ว เว้นแต่ผู้ที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพมาก่อน)
ใบขับขี่ชนิด 2 ปี เรียกอีกอย่างว่าใบขับขี่แบบชั่วคราว ถือเป็นใบขับขี่สำหรับผู้ที่ทำใบขับขี่ใหม่ หรือทำใบขับขี่เป็นครั้งแรกจะได้รับทุกคน เมื่อครบกำหนดอายุของใบขับขี่แล้ว มาดำเนินการต่ออายุใบขับขี่ก็จะได้รับใบขับขี่ชนิด 5 ปี โดยไม่ต้องเข้ารับการอบรม
เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุใบขับขี่
1. ใบขับขี่เดิม
2. บัตรประชาชนฉบับจริง
3. ใบรับรองแพทย์ ที่ออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ มีวิธีการอย่างไร
3. ทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฎิกิริยาโดยการเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟ
ต่ออายุใบขับขี่มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี
- ใบขับขี่รถยนต์ ค่าคำขอ 5 บาท ค่าใบขับขี่ 500 บาท รวม 505 บาท
- ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ค่าคำขอ 5 บาท ค่าใบขับขี่ 250 บาท รวม 255 บาท
ต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่วัน
การต่ออายุใบขับขี่ชนิด 2 ปี เป็น 5 ปีนั้น เจ้าของใบขับขี่สามารถดำเนินการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 6 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุของใบขับขี่
กรณีขาดต่อใบขับขี่
- กรณีใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่
- กรณีใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 3 ปี เพิ่มขั้นตอนอบรม / ทดสอบข้อเขียน / ทดสอบขับรถ
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี มีขั้นตอนอย่างไร
ใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็นใบขับขี่ทั่วไปที่ใช้กันในปัจจุบัน โดยจะได้หลังจากการต่ออายุใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี โดยการต่ออายุใบขับขี่จาก 5 ปี เป็น 5 ปี จะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยคือในส่วนของการอบรมซึ่งในปัจจุบันสามารถอบรมผ่านระบบออนไลน์ได้
เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุใบขับขี่
1. ใบขับขี่เดิม
2. บัตรประชาชนฉบับจริง
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ มีวิธีการอย่างไร
1. ตรวจสอบเอกสาร และเขียนใบคำขอต่อใบขับขี่
2. ทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฎิกิริยาโดยการเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟ
3. เข้ารับการอบรม 1 ชั่วโมง (สามารถอบรมผ่านระบบออนไลน์ได้)
ต่ออายุใบขับขี่มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่จาก 5 ปี เป็น 5 ปี ค่าใบขับขี่ 500 บาท ค่าคำขอ 5 บาท รวม 505 บาท
ต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่วัน
การต่ออายุใบขับขี่ชนิด 2 ปี เป็น 5 ปีนั้น เจ้าของใบขับขี่สามารถดำเนินการต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 6 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุของใบขับขี่
กรณีขาดต่อใบขับขี่
- กรณีใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่
- กรณีใบขับขี่สิ้นอายุเกิน 3 ปี จำเป็นที่จะต้องสอบข้อเขียน สอบปฏิบัติขับรถใหม่ รวมถึงใช้เอกสารต่อใบขับขี่อย่างใบรับรองแพทย์ที่ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
ทั้งนี้ การต่ออายุใบขับขี่สามารถดำเนินการต่อล่วงหน้าก่อนสิ้นอายุได้ไม่เกิน 3 เดือน หรือ 90 วัน ผู้ที่มีใบขับขี่ควรหมั่นสังเกตวันสิ้นอายุ และดำเนินการต่ออายุให้เรียบร้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก