MINI ยืนยันเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid แค่ต้องการสนุกเท่านั้น

          เข้าใจตรงกันตามนี้ MINI Plug-in Hybrid ไม่ได้เกิดจากแนวคิดเพื่อความประหยัดเป็นข้อแรก MINI Plug-in Hybrid มาเพื่อสร้างความบันเทิงในการขับขี่แบบโกคาร์ทที่เป็นแก่นแท้ของ MINI

          MINI อวดรูปแบบความบันเทิงใหม่ด้วยพลังขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบกับรถโปรโตไทป์ คล้ายเป็นการประกาศล่วงหน้าให้เหล่าสาวก MINI กำเงินรอได้เลย พร้อมยืนยันหนักแน่น MINI Plug-in Hybrid จะมาเพื่อมอบความสนุกสนานในการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถามหาความประหยัดแบบ Toyota Prius

          ล่าสุดนาย เซบาสเตียน แมคเคนสัน ผู้บริหารฝ่าย Brand Management และนาย ปีเตอร์ วูลฟ์ ผู้บริหารฝ่าย Series Management ได้จูงมือกันทดสอบรถ MINI Plug-in Hybrid คันโปรโตไทป์เพื่อที่จะสื่อสารล่วงหน้ากับเหล่าสาวกว่า MINI จะเติมเต็มจิตวิญญาณในการขับขี่ที่สนุกสนานแบบรถโกคาร์ทด้วย Plug-in Hybrid แบบไม่ขาดตกบกพร่อง

          อันที่จริงเราอดคิดไม่ได้ว่า MINI นั้นออกจะตื่นเต้นเกินไปหน่อยหรือเปล่า เพราะเมื่อดูจาก MINI คันโปรโตไทป์แล้วก็แทบไม่ได้ต่างไปจาก MINI ปกติ ทั้งภายนอก-ภายใน จะมีก็แค่ระบบ Plug-in Hybrid ที่เพิ่มเข้ามา

          ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่ของใหม่จนต้องตกตะลึง อีกทั้งรูปแบบยังคล้ายกับ iPerformance ของ BMW ที่มีจำหน่ายในไทยอย่าง BMW 330e เป็นต้น สังเกตได้จากโหมดการขับขี่ที่แบ่งเป็น AUTO eDRIVE, MAX eDRIVE และ SAVE BATTERY (เหมือน BMW เป๊ะ!) เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะจับคู่กับเครื่องยนต์ขนาดใดเพราะ MINI ไม่ได้บอกไว้เท่านั้น


          MINI Plug-in จะสามารถเลือกรูปแบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งประกอบด้วย

          - AUTO eDRIVE

          โหมดพื้นฐานระบบจะควบคุมการทำงานอัตโนมัติ ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับความเร็ว และสถานะแบตเตอรี่ โดยโหมดสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ความเร็วสูงสุดถึง 80 กม./ชม.

          - MAX eDRIVE

          โหมดนี้สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงแบบเดียวได้ด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 125 กม./ชม. (BMW 330e ได้แค่ 120 กม./ชม.) หากเหยียบเร็วกว่านี้ หรือต้องเร่งแซงเครื่องยนต์จะติดขึ้นเองอัตโนมัติ

          - SAVE BATTERY

          เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย SAVE BATTERY จะชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเจเนอเรเตอร์ เครื่องยนต์จะทำงานช่วยรักษาปริมาณไฟในแบตเตอรี่ไม่ให้ลดลง หรือปล่อยให้แบตเตอรี่มีปริมาณไฟมากขึ้น เพื่อสำรองไฟในแบตเตอรี่ไว้ใช้ภายหลัง

          โดยขณะที่อยู่ในโหมด SAVE BATTERY เมื่อผู้ขับขี่ถึงจุดหมายปลายทาง จอแสดงผลบนแผงหน้าปัดในรถ MINI Plug-in Hybrid จะช่วยเตือนให้ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จ (wallbox) หรือการเสียบปลั๊ก และแทบไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเลยเพราะรถคันนี้แค่ค่อย ๆ จิบน้ำมันจากในถังเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้บริหารทั้งสองของ MINI เค้าไปขับกันท่าไหนถึงได้ประหยัดเพียงนี้

          MINI ดูพยายามมากให้ MINI Plug-in Hybrid กลายเป็นมิติใหม่ของชาวมินิมอลลิสม์ (MINIMALISM) ที่ลดทอนความเยอะให้ “น้อย” จนเหลือแต่ความสนุก “มาก” ตามแบบฉบับ MINI ซึ่งก็ดีแล้ว เพียงแต่ถ้าไม่ใช่สาวกคงรู้สึกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด

ภาพจาก BMW Group