เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับงานแสดงรถยนต์ระดับสากลอย่าง บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ซึ่งจัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม-3 เมษายน 2559 โดยงานนี้มีรถใหม่จากค่ายรถยนต์ทั่วฟ้าเมืองไทย มาร่วมโชว์ตัวกันเยอะมาก ซึ่งเราได้รวบรวมทีเด็ดของแต่ละคันที่ไม่ควรพลาดชมหากได้แวะไปงานมาไว้เป็นข้อมูลกันก่อนเลย
Aston Martin DB11 เป็นรถสปอร์ตทรง GT รุ่นใหม่เพื่อมาแทน DB9 ด้วยดีไซน์ล่าสุดที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถต้นแบบอย่าง DB10 (มาโชว์ในงานนี้ด้วยเช่นกัน) และยังเป็นรถ Aston Martin DB ที่แรงสุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 608 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 322 กม./ชม. กับราคา 24.9 ล้านบาท ส่วนคันจริงจะสวยงามแค่ไหนบอกเลยต้องไปชม
- BMW
BMW 330e M sport
เป็นปีที่ครบรอบหนึ่งศตวรรษพอดีสำหรับแบรนด์เยอรมันอย่าง BMW จึงได้นำเสนอความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีควบคู่ไปกับความสปอร์ตระดับพรีเมียมแบบจัดเต็ม ซึ่งรถที่นำมาโชว์นั้นเรียกว่าแน่นบูธและสัมผัสกันได้อย่างใกล้ชิดครบทุกรุ่นหลัก รวมถึง BMW 3 Series แบบ Plug-In Hybrid และ BMW M2 Coupe ที่เปิดตัวในงานนี้ด้วยเช่นกันBMW 330e M sport ใหม่ ถึงจะไม่ต่างกับ 3 Series รุ่นปกติแต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยีแบบ Plug-In Hybrid ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ (Twin Scroll Turbo) ขนาด 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังรวมกันสูงสุด 252 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (โหมด MAX eDrive) ได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร ที่สำคัญคือสามารถชาร์จไฟบ้าน ได้ 2 วิธีคือ เสียบด้วยปลั๊กแบบปกติทั่วไป ซึ่งจะชาร์จไฟจาก 0% ได้เต็มภายใน 3 ชั่วโมง 15 นาที หรือผ่าน BMW i Wallbox ก็จะช่วยลดระยะเวลา ลงเหลือ 2 ชั่วโมง 15 นาที โดยอย่างหลังนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มประมาณ 60,000 บาท ไม่รวมตัวรถที่ตั้งไว้ 3,099,000 บาท
BMW M2 Coupe
ส่วนคันต่อมานั้นก็ไม่ธรรมดาแม้จะแอบอยู่ด้านในแต่เชื่อว่าหากใครแวะไปที่บูธ BMW คงไม่พลาดชม BMW M2 Coupe ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ ด้วยชุดแต่งที่แสดงออกถึงความดุดันสมกับเป็นรถจากแผนก M Performance ทั้งที่เป็นแค่รุ่นเล็กจากตระกูล 2 Series แต่เราอยากจะบอกว่า BMW M2 Coupe นี้มีพละกำลังไม่ธรรมดาด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 465 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 4.3 วินาทีเท่านั้น แต่ราคาก็ไม่เบาเพราะตั้งไว้ที่ 5,999,000 บาท- Ford
พระเอกประจำบูธ Ford คงต้องยกให้กับ Ford Focus ใหม่รุ่นปรับโฉม เพราะเปิดตัวภายในงานนี้ด้วยหน้าตาสไตล์เดียวกับ Ford Fiesta พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ Ecoboost แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ แต่ให้พละกำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 240 นิวตันเมตร ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะมาให้ เช่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบใหม่ที่นอกจากจะถอยจอดแบบคู่ขนานได้แล้วยังสามารถถอยจอดเข้าซองได้อีกด้วย และระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ เป็นต้น
โดย Ford Focus ใหม่จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ น้ำเงิน วินนิ่ง บลู, ดำ แพนเทอร์ แบล็ก, เทา แม็คเนติก เกรย์, แดง แคนดี้ เรด และขาว โฟรเซ่น ไวท์ และเปิดให้จองแล้ว
ในราคา 1,099,000 บาท
- Honda
นาทีนี้คงไม่มีรถยนต์ Honda คันไหนร้อนแรงไปกว่า Honda Civic 2016 โฉมใหม่ ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวไปก่อนหน้านี้อย่างเอิกเกริกแล้วก็ตามแต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหลายคนจะพุ่งตรงมายังบูธของ Honda เพื่อสัมผัสกับ Honda Civic 2016 ใหม่ แบบไม่ต้องสงสัย
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Honda Civic 2016 ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 จัดเต็มแบบสุด ๆ ทั้งการออกแบบและเทคโนโลยีที่เราอาจไม่คิดว่าจะได้พบใน Civic ได้เร็วขนาดนี้ ทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า และแรงบิด 220 นิวตันเมตร รวมถึงความปลอดภัยที่เหนือกว่า เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) หรือถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย แม้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะมีเฉพาะรุ่นสูงสุด Turbo RS ที่ตั้งราคาไว้ 1,199,000 บาท ก็ตาม ส่วนใครคิดว่าราคาแรงไปสักนิดยังมีรุ่นย่อยอื่นให้เปรียบเทียบได้ในงานกันตามอัธยาศัย
- Isuzu
เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกันในงานนี้สำหรับ Isuzu MU-X 1.9 Ddi Blue Power จุดที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้นขุมพลังใหม่ "บลู พาวเวอร์" เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือก 2 แบบ คืออัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่มีโอเวอร์ไดรฟ์ 2 ตำแหน่ง ที่เกียร์ 5 และ 6 ส่วนเกียร์ธรรมดาเป็นแบบ 6 จังหวะ พร้อมระบบ Genius Sport Shift พร้อมโอเวอร์ไดรฟ์ 2 ตำแหน่ง ที่เกียร์ 5 และ 6 เช่นกัน
สำหรับลูกเล่นใหม่ ๆ ที่น่าสนใจก็จะมีกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พร้อม Built-in Safety Camera บันทึกวิดีโอขณะขับขี่ได้ รวมถึง Isuzu Connect World ระบบความบันเทิง ล่าสุดที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และจอภาพบนเพดานแบบ Built-in ขนาด 10.5 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน โดยรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android พร้อมระบบเสียง แบบ Surround Sound System พร้อมลำโพงคุณภาพสูงจาก Kenwood 6 จุด และ Roof Speaker อีก 2 จุด ซึ่งถ้ารวมทั้งหมดที่กล่าวมาจะอยู่ใน Isuzu MU-X 1.9 Ddi DA DVD A/T ราคา 1,324,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นอย่าง 1.9 Ddi CD A/T จะมีราคา 1,094,000 บาท และทุกรุ่นย่อยของเครื่องยนต์ 1.9 จะมีแค่ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง สนใจรุ่นย่อยไหนสอบถามเพิ่มเติมกันที่บูธ Isuzu ได้เลย
- Jaguar
แบรนด์ Jaguar แม้จะมีรถมาโชว์ในงานแค่ 2 รุ่น ได้แก่ รถซีดาน 4 ประตู อย่าง Jaguar XE R-Sport และสปอร์ตหรู Jaguar F-Type V6 ขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งคันหลังนี้เองหากมีโอกาสก็อยากให้ได้ไปชมอีกหนึ่งคัน (หรือจะซื้อก็ได้) เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกันแบบใกล้ชิดแล้ว Jaguar F-Type ยังเป็นรถสปอร์ตที่สืบทอดสายพันธุ์โดยตรงจาก Jaguar E-Type ในตำนานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นรถที่ออกแบบได้สวยงามมากที่สุด
สำหรับขุมพลังนั้นใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร (ในต่างประเทศจะมีรุ่น F-Type-R เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร 550 แรงม้า ให้เลือกด้วย) สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 260 กม./ชม. ทางด้านราคานั้นตั้งไว้ที่ 10,999,000 บาท
- Land Rover
กลุ่ม Jaguar Land Rover ได้ส่ง New Land Rover Discovery Sport รถ SUV ขนาดคอมแพคท์ระดับพรีเมียมแบบ 5+2 ที่นั่ง มาเปิดตัวภายในงานแบบเรียบ ๆ แต่หรูหราพร้อมลุย เปิดตัวครั้งแรกในไทยด้วยสไตล์และขนาดที่กะทัดรัดปราดเปรียวกว่า Discovery 4 (แต่กว้างขวางกว่า Range Rover Evoque) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ สำหรับใช้งานในเมืองหรือขับขี่ท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนได้อย่างลงตัว
ทางด้านขุมพลังที่เลือกนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ โดย New Land Rover Discovery Sport ยังสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 600 มม. สำหรับราคาของ New Land Rover Discovery Sport HSE Luxury นั้นอยู่ที่ 4,799,000 บาท
- Lexus
รถแบรนด์หรูระดับพรีเมียมของญี่ปุ่นภาพลักษณ์ดีในสายตาชาวโลก เพราะใครที่ได้สัมผัสมักยอมรับในคุณภาพเว้นเสียแต่ราคาที่พุ่งแรงแซงหน้าไปไกลอาจเพราะเป็นรถนำเข้าอีกทั้งภาพลักษณ์ในสายตาคนไทยส่วนใหญ่ยังติดว่าเป็น Toyota หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก แต่อย่างไรก็ตามในงานนี้ก็ยังมีรถสปอร์ตรุ่นใหม่มาเปิดตัวครั้งแรกในไทยเพิ่มอีก 1 รุ่น คือ Lexus RC200t F Sport
ถ้าพูดกันในเรื่องความโดดเด่นสะดุดตาด้านการออกแบบที่ไม่ซ้ำใครแล้ว Lexus RC200t F Sport ถือว่าเป็นรถสปอร์ตอีกรุ่นหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงในงานนี้ไม่ได้เลย ส่วนเรื่องความสวยงามและความชอบนั้นเป็นรสนิยมเฉพาะบุคคลแต่อยากให้ลองมาสัมผัสคันจริงด้วยตาตัวเองกันเสียก่อน ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ ขนาดเล็กลง แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร เพิ่มพลังด้วย Twin-Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 9 สี และภายใน 2 สี ได้แก่ ดำ และแดงดาร์ก โรส สำหรับราคาก็ตั้งไว้แรงสุดใจที่ 5,490,000 บาท
- Mazda
ถึงจะไม่มีรถรุ่นใหม่เปิดตัวในงานก็ตามแต่ความน่าสนใจของ Mazda ก็ยังมีอยู่ต่อเนื่องเพราะเทคโนโลยี SKYACTIV และภาษาการออกแบบใหม่ KODO Design นั้นช่วยให้รถของ Mazda โดดเด่นมีสไตล์เป็นของตนเองอย่างชัดเจน แม้จะเริ่มมีเสียงบ่นว่าเหมือนกันไปหมดทุกรุ่นอยู่บ้างก็ตามแต่ก็น้อยคนนักที่จะบอกว่าไม่ชอบ อันที่จริงเราไม่มีรถยนต์รุ่นใดแนะนำเป็นพิเศษเพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วทั้ง CX-3 หรือ CX-5 ใหม่ แต่โดยรวมทุกรุ่นก็ยังคงความน่าสนใจด้วยตัวตนที่ชัดเจนว่านี่คือ Mazda รถที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่ที่สนุกสนานและถ้าคุณเป็นคนชอบอะไรที่เร้าใจและจับต้องได้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเดินผ่านเลยไป
- Mercedes-Benz
Mercedes-Benz เจ้าตลาดรถหรูในไทย ก็มาแบบจัดเต็มเหมือนเคยเช่นกัน แต่ที่หลายคนน่าจะให้ความสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเผยโฉมครั้งแรกของ Mercedes-Benz E-Class โฉมใหม่ แต่นำมาโชว์บนเวทีแค่เพียง 2 คันเท่านั้น (รอบสื่อมวลชน) ซึ่งถ้าเอามาจอดรวมกับรุ่นอื่น ๆ อย่าง C-Class และ S-Class ก็คงต้องดูที่ป้ายประกอบเพื่อความแน่ใจว่าตรงดิ่งเข้าไปไม่ผิดรุ่น ยิ่งถ้าดูผ่าน ๆ แล้วคล้ายกันเหลือเกิน อาจเป็นเพราะภาษาการออกแบบใหม่ของ Mercedes-Benz หรือเพราะโทนสีดำของบูธบวกกับแสงที่สลัวก็ไม่แน่ใจนักแต่ในเรื่องของความหรูหราภายในนั้นน่าประทับใจสมการรอคอย
ในช่วงแรก Mercedes-Benz E-Class ใหม่จะมีให้เลือกแค่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 194 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เพียงแบบเดียวเท่านั้น แต่แบ่งออกเป็น 2 ระดับการตกแต่ง คือ Exclusive ที่เน้นความหรูหรา และ AMG Dynamic สำหรับผู้ที่ชอบความสปอร์ต ส่วนราคานั้นเริ่มต้นกันที่ 3.99 ล้านบาท สำหรับ E220d Exclusive และ 4.79 ล้านบาท ในรุ่น E220d AMG Dynamic
- MG
ของใหม่จากค่าย MG ที่ไม่ได้มาเล่น ๆ และที่เป็นไฮไลท์ก็คงจะหนีไม่พ้นรถ SUV คันใหม่ล่าสุดอย่าง MG GS 2016 ซึ่งเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ไม่นานด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ MG GS 2.0T D 2WD ราคา 1,210,000 บาท และ MG GS 2.0T X AWD ราคา 1,310,000 บาท ความน่าสนใจหลัก ๆ ก็อยู่ที่อุปกรณ์ที่มีมาให้นั้นค่อนข้างจะคุ้มค่าเกินราคาเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับรถระดับและราคาใกล้เคียงกันที่มีในตลาด ซึ่งก็รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ส่วนเรื่องดีไซน์ทั้งภายนอก-ภายในจะถูกใจพอหรือไม่จึงอยากให้แวะเข้าไปชมตัวจริงก่อนจะตัดสินใจ เลือกรถ SUV คันใดก็ตาม
- MINI
คุณจะรู้สึกสดใสอ่อนวัยและซาบซ่าทันทีเมื่อเข้ามาในบูธ MINI เพราะมีการตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาดบาดใจสมกับเป็นรถที่ขายไลฟ์สไตล์สุดชิคมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง ซึ่งได้ MINI Cooper S Convertible ใหม่ มาช่วยสร้างบรรยากาศให้คึกคักขึ้นไปอีกและเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ทั้งนี้ MINI Covertible จะมีสีตัวถังให้เลือกกันอย่างจุใจถึง 11 สี ส่วนหลังคาผ้าใบลายยูเนียนแจ็คก็มีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนขุมพลังเป็นแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 192 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 228 กม./ชม. ด้วยความร้อนแรงและความน่ารักสดใสสไตล์ MINI จึงไม่ควรพลาดชมเช่นกัน แต่สำหรับราคา 3,050,000 บาท นั้นหลายคนอาจคิดว่าไม่ค่อยมินิเท่าไรนัก
- Mitsubishi
ต่อกันที่บูธของ Mitsubishi มีของใหม่มาโชว์เป็นไฮไลท์ในงานคือรถกระบะคันเก่ง Mitsubishi Triton Limited Edition รุ่นพิเศษ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ MIVEC CLEAN Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อ และอุปกรณ์ตกแต่งภายนอก 3 รายการ ประกอบด้วย ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ฝาครอบโครเมียมใต้กันชนหน้า รวมถึงบันไดข้างดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยโครเมียม ส่วนภายในติดตั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังจากโรงงานเป็นครั้งแรกในรถกระบะ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (ปกติมีเฉพาะรุ่น GLS-LTD 4x4) โดยมีสีตัวถังให้เลือก 3 สีได้แก่ สีขาว ไวท์ เพิร์ล (มุก), สีดำ ไพรีเนส แบล็ก (มุก) และสีพิเศษฟ้า อิมพั้ลซ์ บลู (เมทัลลิก) โดยตั้งราคาไว้สำหรับเกียร์ธรรมดา (2WD HR 2.4L 6MT GLS-LTD) 844,000 บาท และเกียร์อัตโนมัติ (2WD HR 2.4L 5AT GLS-LTD) 889,000 บาท
- Nissan
ความน่าสนใจสำหรับบูธ Nissan คงอยู่ที่การเปิดตัวแบรนด์ Nismo พร้อมกับ Nissan Almera Nismo Performance & Aero Package สำหรับ Nissan Almera เป็นรุ่นแรกในไทย ซึ่งในส่วนของ Nismo Aero Packgage จะประกอบด้วยชุดแต่งรอบคัน ที่ช่วยจัดการกับการไหลของอากาศให้มีค่าสัมประสิทธิ์ (CD) และส่งผลต่อแรงกดตัวรถให้แนบพื้นถนนรวมถึงสร้างสมดุลของรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกที่สปอร์ตกว่าเดิม โดย Nissan Almera Nismo E เริ่มต้นที่ราคา 538,000 บาท รุ่น EL 579,000 บาท และ VL 655,000 บาท
ในขณะที่ Nismo Performance Package จะเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยชุดสปริงและโช้คอัพซอร์เบอร์ ทำให้ความสูงของตัวรถลดลงไปเล็กน้อย รวมไปถึงชุดท่อไอเสียใหม่แบบสปอร์ตให้เสียงดุดันเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กับยางขนาด 205/50 R16 เพื่อการยึดเกาะที่ดีในทุกย่านความเร็ว แต่ทั้งหมดนี้ต้องจ่ายเพิ่ม 96,000 บาท
อีกรุ่นที่เปิดตัวก็คือ Nissan Juke Colors Studio ที่เพิ่มลูกเล่นให้ลูกค้าได้จับคู่สีระหว่างภายนอกที่มี 6 สีกับชุดแต่งภายนอกและภายใน เช่น กระจกมองข้าง กรอบไฟหน้าและคิ้วกันชนหน้า ส่วนภายในจะเป็นคอนโซลกลางและกรอบสวิตช์กระจกไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งหมด 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีส้ม ออเรนจ์ เรซซิ่ง, สีเหลือง โซลาร์ เยลโล่ และสีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
- Porsche
Porsche 911 Carrera กบซ่าคันใหม่ล่าสุดเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอีกหนึ่งรุ่นที่มาเปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกของประเทศไทยในงาน มอเตอร์ โชว์ 2016 โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ Carrera และ Carrera S ซึ่งเป็นการปรับโฉมให้กับรุ่น 911 เจเนอเรชั่นที่ 7 รหัสตัวถัง 991 เพียงเล็กน้อยแต่จุดเด่นก็อยู่ที่พละกำลังของเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบนอน เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 3.0 ลิตร 370 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร หากเติมตัว S พ่วงท้ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 420 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่วนเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและเกียร์ PDK ใครที่เป็นสาวกรถสปอร์ตพันธุ์แรงก็ไม่ควรพลาด โดย Porsche 911 Carrera ตั้งราคาไว้ 12.2 ล้านบาท แต่ถ้าเป็น 911 Carrera S ขยับเป็น 13.5 ล้านบาท
- Rolls-Royce
ไปงานแสดงรถยนต์ระดับอินเตอร์ทั้งทีถ้าไม่ได้แวะชมอัครยานยนต์ที่เรียกว่า อัลตรา ลักซ์ซูรี่ (Ultra Luxury) ก็คงจะไม่ได้เห็นบนท้องถนนกันง่าย ๆ เพราะฉะนั้นใครที่มาแล้วแนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด ถึงจะได้ดูแค่รอบนอกซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยขอแนะนำไฮไลท์พิเศษอย่าง Rolls-Royce Ghost รุ่นฐานล้อยาวแบบสั่งทำพิเศษ (Bespoke) และมีเพียงคันเดียวในโลก
Rolls-Royce Ghost รุ่นฐานล้อยาวนี้มีชื่อว่า "คชมงคล" ตัวถังเป็นสีขาว English White ประดับด้วยเส้นคู่ข้างรถสีส้มแมนดารินและลาย "ช้าง" อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำประเทศไทย ส่วนภายในจะเป็นงานฝังประดับลายช้างบนไม้วีเนียร์ (เปลือกไม้) สะท้อนให้เห็นฝีมืออันประณีตของทีมช่างฝีมือ (หรือมักเรียกกันว่าลายไม้อินเลย์) ด้านข้างประตูบุหนังลายธรรมชาติสีเทาควันบุหรี่และสีน้ำตาลเข้ม ตัดกับตะเข็บสีส้มแมนดาริน สำหรับขุมพลังของ "คชมงคล" นั้นเป็นเครื่องยนต์แบบ V12 ขนาด 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 563 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 780 นิวตันเมตร ซึ่งบอกเลยว่าแค่ดูไกล ๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างแล้วเพราะสนนราคาอยู่ที่ 36.9 ล้านบาท
คันที่สองเป็นยนตรกรรมแบบสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรู 4 ที่นั่งรุ่นเล็ก (สำหรับ Rolls-Royce) ซึ่งใช้ชื่อรุ่นว่า "ดอว์น" (Dawn) สามารถเปิดหลังคารับแสงอรุณแห่งวันใหม่ได้อย่างเงียบเชียบมากที่สุดด้วยเวลาประมาณ 20 วินาทีที่ความเร็วในขณะรถวิ่งประหนึ่ง "จินตลีลาแห่งความเงียบ"
ในส่วนท้ายที่เก็บหลังคาด้านหลัง Rolls-Royce นั้นภาคภูมิใจมากว่าเป็นผลงานโดดเด่นของงานหัตถศิลป์สมัยใหม่ตกแต่งด้วยไม้คานาเดลโค้งเป็นทรงเกือกม้ารับกับเส้นโค้งของห้องโดยสารหลัง โดยส่วนที่เป็นไม้นี้ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามรสนิยมซึ่งจะทอดตัวคล้ายน้ำตกระหว่างที่นั่งหลังและรอบห้องโดยสาร ครอบคลุมไปถึงแผงบานประตูด้านในทั้งหมด เชื้อเชิญให้ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้โดยสารก้าวขึ้นนั่งได้อย่างงามสง่าสมศักดิ์ศรี ส่วนขุมพลังนั้นเป็นเครื่องยนต์ V12 เหมือนกับ Rolls-Royce Ghost "คชมงคล" ทุกประการ แต่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อยที่ 34.9 ล้านบาท
- SSangyong
ในส่วนของบูธ Ssangyong เท่าที่เห็นมีรถมาโชว์ด้วยกัน 2 รุ่น คือ Stavic และ Tivoli ซึ่งคันหลังนี้เป็นรถ SUV แบบ 5 ที่นั่งขนาดกะทัดรัดระดับพรีเมียมซึ่งมาพร้อมความหรูหราสะดวกสบายและอุปกรณ์ที่มีมาให้พอตัว ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลัง 115 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร หากใครต้องการรถอเนกประสงค์ที่หรูหราคล่องตัวและไม่ซ้ำใคร Ssangyong Tivoli จากเกาหลีคันนี้น่าจะตอบโจทย์ได้
- Suzuki
รถใหม่สำหรับค่าย Suzuki ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานก็จะมีแค่ Suzuki Swift Sai รุ่นพิเศษที่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดจาก Swift RX เช่น ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ (RX เป็น โปรเจคเตอร์ HID) แต่จะได้ไฟ LED ที่กันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมไฟตัดหมอก ไฟท้ายใหม่ สติ๊กเกอร์ติดฝาถังน้ำมันและท้ายรถลวดลายเฉพาะ บ่งบอกว่าเป็น Sai Edition กับภายในที่แตกต่างด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสลับผ้าชนิดพิเศษกุ๊นขอบสีขาว นอกเหนือจากนี้อุปกรณ์ภายในและเครื่องยนต์ก็จะเหมือนกับ Suzuki Swift RX ทั้งหมด รวมถึงราคาจำหน่าย 599,000 บาท
- Subaru
ใครที่กำลังตัดสินใจหรืออยากได้รถอเนกประสงค์แบบ SUV บอกเลยว่าไม่ควรมองข้ามบูธ Subaru เด็ดขาด เพราะ Subaru Forester 2016 โฉมใหม่ นั้นเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นกระชากใจอย่างแรงเพียง 1,398,000 บาท ในรุ่น 2.0i ส่วนรุ่น 2.0i-P เพิ่มอีกแค่ 100,000 บาท โดยจะได้เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบนอน ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า หากเป็นรุ่น 2.0XT ที่มีพละกำลังสูงถึง 241 แรงม้า ด้วย Turbo จะมีราคาแรงอยู่ซึ่งตั้งไว้ที่ 2,290,000 บาท แต่ก็ยังถือว่าถูกลงกว่าเดิมพอสมควร
สำหรับเหตุผลหลัก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม Subaru Forester 2016 ใหม่ ก็คงเป็นเรื่องของสมรรถนะที่โดดเด่นอย่างการบังคับควบคุมและการขับขี่ทั้งแบบออนโรดรวมถึงออฟโรดที่หาตัวจับยาก โดยเฉพาะเมื่อเปิดราคามาได้น่าสนใจขนาดนี้แม้รูปลักษณ์อาจไม่หวือหวามากนักแต่ใครที่เน้นการใช้งานจริงจังน่าจะถูกใจ
- Toyota
สำหรับในพื้นที่ของเจ้าตลาดอย่าง Toyota แม้ตอนนี้จะยังไม่มีรถโมเดลใหม่แบบแกะกล่องมาให้ชมกัน แต่ก็มีของใหม่ไว้คอยเรียกแขกให้แวะเวียนเข้ามาชมกันเสียทีเดียวถึง 2 รุ่นคือ Toyota Yaris TRD Sportivo และ Toyota Vios ที่หน้าเดิมแต่เพิ่มเติมคือเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่แบบ CVT
Toyota Yaris TRD Sportivo ที่ได้นักร้องสาวสุดจี๊ดอย่างเคที่ เพอร์รี่ (Katy Perry) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นนำมาโชว์ครบทั้ง 2 สี คือส้ม ออเรนจ์ เมทัลลิก และขาว ซูเปอร์ ไวท์ คันจริงก็ดูสปอร์ตเข้มขึ้นกว่า Toyota Yaris แบบผิดหูผิดตาถึงจะเป็นตัวถังเดียวกันก็ตาม ส่วนภายในไม่ต้องพูดถึงสีสันโทนดำ-ส้ม นั้นฉูดฉาดบาดใจขึ้นมาก (ถ้าชอบ) ลองแวะมาเปรียบเทียบกันได้กับราคาที่เพิ่มขึ้นเป็น 649,000 บาท
Toyota Vios ใหม่ มาร่วมแจมแบบไม่เปิดเผยตัวโจ่งแจ้งมากนักกอปรกับรูปร่างหน้าตาเรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เลยต้องมาย้ำว่า Vios ที่จอดอยู่ในงานนี่แหละรุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่รหัส 2NR-FBE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 มีกำลังสูงสุด 108 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร ในขณะที่ระบบส่งกำลังเปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติ CVT พร้อม Sequential Shift แบบ 7 สปีด ที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจในการเปลี่ยนเกียร์อีกเล็กน้อย
- Volvo
แบรนด์สุดท้ายตามลำดับตัวอักษรเป็นรถจากสวีเดนนี้ มีรถที่น่าสนใจและได้รับเสียงชื่นชมมากมายมาแล้วทั่วโลกคือ Volvo XC90 xu 2016 ใหม่ รถ SUV 7 ที่นั่งหรูหราและเพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นานและจัดเต็มทั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยและระบบความปลอดภัยซึ่งอยากแนะนำว่าต้องไปดูกันในงานเพราะเยอะมาก ส่วนขุมพลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซินแบบ Plug-In Hybrid
โดยเครื่องยนต์ดีเซลเป็นแบบ 4 สูบ คอมมอนเรล-ทวินเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 225 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 220 กม./ชม. แต่ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยอัตราเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินเป็นแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ/ซูเปอร์ชาร์จ ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวม 407 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดรวม 640 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ทำความเร็วสูงสุดได้ 230 กม./ชม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยนั้นน่าประทับใจที่ 45.5 กม./ลิตร สำหรับราคาของ Volvo XC90 ปี 2016 ใหม่ เริ่มต้นที่ 4,890,000 บาท ในรุ่นดีเซล D5 และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid เริ่มต้น 5,390,000 บาท