ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ซูเปอร์ครูว์ ใหม่ ปี 2017 (Ford F-150 Raptor SuperCrew 2017) ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งสำหรับเวอร์ชั่นพิเศษของกระบะ ขนาดฟูลไซซ์จากตระกูล F-Series รุ่นล่าสุดโดยใช้พื้นฐานของ Ford F-150 รุ่นปัจจุบัน (เจเนอเรชั่นที่ 13) มาปรับปรุงสมรรถนะรวมถึงการตกแต่งให้ดูพิเศษยิ่งขึ้นซึ่งถูกเปิดตัวในงาน ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ 2016
โดยปกติ Ford F-Series นั้นก็ดูใหญ่โตน่าเกรงขามมากพออยู่แล้วแต่สำหรับ Ford F-150 Raptor SuperCrew 2017 ใหม่ กลับยิ่งดูแข็งแกร่งดุดันทรงพลังมากกว่าเดิมด้วยกระจังหน้าขนาดมโหฬาร ลายรังผึ้งที่คาดด้วยตัวอักษร FORD เต็มพื้นที่แทนตราสัญลักษณ์สีฟ้าทรงรีของ Ford รับกับกันชนหน้าสีเทาดำทรงสปอร์ตติดแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงิน ในขณะที่บังโคลนหน้าถูกขยายเพิ่มออกมาจากรุ่นปกติจนเห็นขอบสันข้างไฟหน้าหนาขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ด้านข้างยังถูกเสริมด้วยโป่งล้อสีเดียวกับกระจังหน้าและกันชน ส่วนตัวถังบริเวณบังโคลนหลังเหนือซุ้มล้อถูกขยายออกและยกสันแบบเดียวกับด้านหน้าเพื่อให้ดูสมส่วนไม่เป็นรถหัวโตท้ายลีบ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งกว่ารุ่นปกติมาก เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางออฟโรดรุ่น All-Terrain T/A K02 ของ BF Goodrich ในขณะที่ด้านท้ายไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนักนอกจากมือจับเปิดกระบะหลังและกันชนสีเทาดำ
ภายในของ Ford F-150 Raptor SuperCrew 2017 ใหม่ ได้รับการตกแต่งให้มีสไตล์บึกบึนมากกว่าความหรูหราด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แทนคิ้วประดับอย่างโครเมียม และถึงแม้ว่าห้องโดยสารจะมีขนาดเท่าเดิมแต่ได้รับการปรับปรุงให้มีบานประตูที่ใหญ่ขึ้นเพื่อการเข้า-ออกห้องโดยสารได้สะดวกมากกว่า รวมถึงการปรับปรุงตำแหน่งเบาะนั่งหลังใหม่ให้เหมาะสมสำหรับการโดยสารผ่านเส้นทางในยามที่ต้องปีนป่ายหรือแม้บนทางเรียบ
ด้านขุมพลังของ Ford F-150 Raptor SuperCrew 2017 ใหม่ ได้ปลดเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 6.2 ลิตร ที่ใช้ใน Ford F-150 SVT Raptor รุ่นก่อนหน้าทิ้งไป แล้วนำเครื่องยนต์ใหม่ Ecoboost V6 ขนาด 3.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 411 แรงม้า และแรงบิด 588 นิวตันเมตร มาประจำการแทน
โดยให้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้รับการปรับแต่งระบบกันสะเทือนด้วยโช้คอัพจาก FOX Racing ซึ่งรับหน้าที่นี้มาตั้งแต่ Raptor เวอร์ชั่นก่อนแต่จะให้สมรรถนะที่เหนือกว่าทั้งทางออฟโรดและออนโรด
สำหรับราคาจำหน่ายยังไม่มีการเปิดเผยจาก Ford แต่คาดว่าน่าจะอยู่ราว ๆ 55,000-60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.7-1.9 ล้านบาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
ภาพจาก Ford