
เปลี่ยนใจจากบิ๊กไบค์ เนคเค็ดมาเป็น อเนกประสงค์
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ nikinik สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ในเวลานี้ ตลาดบิ๊กไบค์ของไทยเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก หลายค่ายรถก็นำมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ในหลากหลายสไตล์มาจำหน่าย ผู้ที่กำลังจะเลือกบิ๊กไบค์จึงเกิดปัญหาไม่รู้จะเลือกรถสไตล์ไหน
ซึ่งสไตล์ของบิ๊กไบค์นั้นมีผลต่อการขับขี่ ท่านั่ง รวมถึงการควบคุมรถเป็นอย่างมาก วันนี้กระปุกคาร์จึงนำประสบการณ์ของคุณ nikinik ที่มาเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนสไตล์รถบิ๊กไบค์ได้อย่างเห็นภาพ และเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเลือกสไตล์รถได้เป็นอย่างดีทีเดียว
รีวิว V-strom 650 จากใจคนเปลี่ยนแนวรถ จาก Naked (M795) มาเป็น Dual Propose โดยคุณ nikinik สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ผมขอรีวิวแบบโคตร user ที่ไม่มีความรู้เรื่อง specification ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่รู้เรื่องทอร์ค กี่แรงม้า เบรกอะไร เอาแค่ user ที่ซื้อมาใช้หละกันนะครับ
ท้าวความนิด ผมใช้ er6n ได้หนึ่งเดือนก็เปลี่ยนเป็น Ducati 795 no ABS ทันที เนื่องด้วยภาพลักษณ์ล้วน ๆ 555
พอครั้นจะเปลี่ยนรถ ผมมักจะไล่อ่าน ว่าใคร CC เยอะกว่า แรงม้า แรงบิดใครมากกว่า แล้ว จิ้นเอาเองว่า คันนั้นต้องเจ๋ง คันนี้ห่วย คันนี้แหละใช่
หลาย ๆ คน เลือกรถคันแรก มักจะเป็นพวกในกลุ่มแนว Naked เช่น Ducati 795, er6n, FZ-09, Z800 เพราะดูเท่ห์และเข้าถึงง่าย แต่พอขี่ไปสักพัก จะเริ่มรู้แนวที่ตัวเองชอบจริง ๆ ว่าชอบแนวไหน ก็จะทยอยเปลี่ยนไป บางคน เน้นเร็ว คือ
ไปลงสนามอย่างเดียวแหละ ส่วนใหญ่ไป - sport ตัว 1000
ไปทาง Touring แบบชิล ๆ - ก็พวก Honda Goldwing ครุยเซอร์
ลุยไปทุกที่ ก็แนว Adventure - KTM BMW Versys Vstrom
ลด CC เข้าป่า - ไปกับ KLX CRF
เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า ซื้อ Big bike คันแรก เอาตัวท็อป ๆ ไปเลย คันเดียวจบไม่ต้องเปลี่ยน เพราะเห็นมาหลายคน เกิน 70 % คันที่ 2 เปลี่ยนเป็นอีกแนว แบบคนละเรื่องเลย เช่น Harley ไปเป็น Tenere , sport 1000CC ไปเป็น KTM adventure คันแรกอย่าทุ่มหมดหน้าตักครับ รับรองมีเปลี่ยนชัวร์
ส่วนตัวผมจาก Ducati 795 ที่ขี่เกิน 4 ชม. แล้วร่างจะแยกฉีกขาด เหนื่อยสุด ๆ แฟนบ่นเพราะทุกอย่างมันพอดีตัวเป๊ะ เรียกว่าขยับซ้ายขวา-หน้าหลังไม่ได้เลย หลุมเล็ก หลุมน้อย หรือพื้นไม่เท่ากันนิดหน่อยต้องชะลอ ถ้าไม่ทันมีสิทธิได้ยินเสียงโช้คปั๊ก ๆ เลยมองทาง Touring Adventure ที่พาเราไปได้ทุกที่
ตัวเลือกอันดับ แรกเลยคือ
1. Ducati Hyperstrada - (ราคาพร้อมกระเป๋า ช่างครบครัน)

แฟนซ้อนปุ๊บบอกว่า 795 ดีกว่า ท่านั่งตั้งตรงจริงครับ แต่คนซ้อนคนขี่ หัวติดกันเลย ไม่มีที่ว่าง
ส่วนตัวผมคิดว่า มันกึ่ง ๆ หน้าไว ๆ จะขี่มันส์ก็ไม่เชิง จะขี่สบายก็ไม่ใช่ครับ จะลุยก็ใช่ที
2.Ducati Multistrada - (แบบในรูปเลย ชอบกรี๊ด ๆๆ แต่ตอนติดกระเป๋า ผมกลับไม่ชอบ)
เอาหวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แหละ เอามันซะเลย ตัวเดียวสุด ๆ จบเลย (ต้องจบเลยหละครับ เพราะเกือบล้าน 555)

ไปลองรถคราวนี้แฟนไม่ไปลองซ้อน เพราะรุ่นน้องคอนเฟิร์มแล้วว่า สบายอย่างกับนั่งโซฟา
ส่วนตัว ชอบมากกกก แรงมันส์สะใจ นั่งสบายสุด ๆ แต่อยากบอกว่าอย่าไปขี่โหมด Urban นะน่าเบื่อ ลอง sport เลยสนุกมากกก
ตัดสินใจแหละ ไปจองดีกว่า อิ อิ
3.V-strom 1000 - (ราคาตั้ง ได้แค่แบบในรูป โล้นเชียว ไม่ให้แม้แต่ sticker คำว่า 1000)

ระหว่างนั่นรุ่นน้องคนเดิมแนะนำ Vstrom ให้ได้ยินชื่อครั้งแรก แต่เป็นตัว 1000 นะครับ สนใจเลยไปดูที่งาน Motor Expo
ก็น่าสนนะ แต่เนื่องด้วยราคา มันเอียง ๆ ไปทาง Multistrada ถึงจะแพงกว่าแต่ชอบมากกว่า เลยยกยอดไป
4.V-strom 650 - (ตอนที่เห็นครั้งแรกแต่งเต็มแบบนี้เลย)

ก่อนกลับรุ่นพี่ท่านนึงเขาขี่ Vstrom650 อยู่แล้ว เดินผ่านร้านนึงมีตัวโชว์ แต่งเต็มจอดอยู่ เขาชี้ให้ดู เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยยยย มันดูไม่ขี้เหร่นี่หว่า เนื้องานวัสดุ ผมชอบมากกว่า Versys เยอะเลย นี้ คือ จุดเริ่ม ให้สนใจมัน
(ใจจริงอยากได้ F800gs ที่สุด แต่ตอนนั้นยังไม่มีข่าวยืนยันกำหนดเรื่องประกอบไทย)
สุดท้าย ตัดเหลือ 2 ตัว คือ Multistrada กับ V-strom 650
คิดอยู่เป็นเดือน ตั้งกระทู้ถามในพันทิพก็แล้ว ถามรุ่นน้อง อ่านรีวิวไทย เทศ - สุดท้ายเลือก ก ก ก "V-strom 650"
เหตุผลคือ สำหรับรถคันใหม่ที่ผมเล็งไว้เพื่อ ไปขี่ลุยเที่ยวแบบไม่กังวลครับ ผมไม่ได้หมายถึงว่า Multistrada ลุยไม่ได้เท่า Vstrom (แต่ก็ใช่ว่าซื้อ V เพราะกะเอามาล้มเละเทะเต็มที่นะครับ ยังไง ผมก็ถือคติว่า ไปเรื่อย ๆ ขี่ยังไงก็ได้ไม่ให้ล้มครับ) ผมคิดว่ายังไม่มีเงินเหลือ ๆ แบบที่จะเอารถคันละล้านไปลุยเละเทะ แล้วไม่เสียดายอะครับ
ประมาณว่า ผมซื้อกระเป๋า Hermes แล้วกลัวเป็นรอย หรือถือกล้อง Leica แต่ไม่กล้าเอาออกไปลุยถ่ายรูปอะครับ จะหยิบ จะเก็บ ก็ต้องถนอม ประมาณนั่นครับ มันทำให้ไม่สบายใจ ทุกครั้งที่จะต้องลุย
สรุปคือค่าตัว Multistrada พอจ่ายได้ครับ ค่าดูแลตามระยะจ่ายไหวไม่มีปัญหา แต่ไม่กล้าเอาไปลุย ถ้าวันนึงมีเงินถุง เงินถัง คงซื้อมาขี่ลุยเล่นครับ เพราะมันแรง ขี่มันส์ สวย เจ้าเสน่ห์ จุ๊บ จุ๊บ
ซึ่ง ณ เวลานี้ F800gs ที่ผมเฝ้ารอ ออกราคามาแล้ว ราคาน่าสนมาก แต่ผมก็ไม่ได้คิดเปลี่ยน ด้วยเหตุผลเดียวกันครับว่า ทำใจเวลาซ่อมไม่ได้ครับ (ไม่ใช่ค่า Maintanece ตามระยะนะครับ อันนั่นไม่มีปัญหา) คิดว่าเอาส่วนต่างราคาไปถอย KLX 250 ไปลุยป่าดีกว่า
นิดนึงครับ เคยได้มีโอกาศขี่ในสนาม ช่วงนั่นมี Multistrada ท่านนึงลงซ้อมพอดีครับ อยากบอกว่ามันคือ รถสปอร์ตทรงสูง ๆ ดี ๆ นี่เองครับ ลงโค้ง T12 พร้อมกัน พอผมพ้นโค้ง T12 ผมเงยหน้าอีกที Multi กำลังลงโค้ง T1 แล้วครับ ผมยังวิ่งไม่ถึงตรงเส้นชัยเลยอะ

ท่านนี้หละครับ รูปนี้ อ. ถ่ายไว้พอดี ขี่เก่งแท้
ต่อนะครับ เข้าเรื่อง V-strom 650 เลยนะครับ
เรื่องที่เขียน ส่วนตัวล้วน ๆ บอกก่อนว่าผมไม่ใช้พวกบ้าความเร็ว แค่สนุกกับการขับขี่ และการเปรียบเทียบอาจจะดูข้ามรุ่น ข้าม style ไปหน่อย แต่ผมเอาจากตัวเลือกผมเป็นบรรทัดฐานครับ และเชื่อว่ามีหลายท่านที่ตัวเลือกในใจคล้ายผม


ที่แอบปลื้มแบบไร้สาระ คือ ช่องเก็บของใต้เบาะครับ ที่ปกติผมจะเอาไว้เก็บของที่พกไปตลอดแบบกะไม่เอาออก ตอน Ducati 795 จะแค่หาที่ไว้ Lock Disk Break ยังลำบากเลย หมุนอยู่ตั้งนาน แต่ V-strom นี่ผมเก็บได้ทั้ง ที่สูบลมไฟฟ้า ประแจเลื่อน คัตเตอร์ ชุดปะยาง ที่ล็อกดิส ที่วัดลมยาง


แต่อยากบอกว่าพอเปลี่ยนเป็นรถทรงสูง แล้วถึงรู้ว่า มอเตอร์ไซค์มันมีวิธีขับขี่ที่ทำได้หลากหลายมากมาย สนุกมากขึ้น (ผมเชื่อว่าหลายคนติดใจรถทรงสูง พวก Motard ก็คงเป็นเพราะเหตุนี้ครับ)


คือคุณจะ Hang on ก็ได้ (แต่ดูเว่อร์ไปหน่อย 55 ) หรือจะแค่ Lean with สบาย ๆ ถ้าอยากชัวร์ ๆ หน่อยก็ Lean in ก็ได้ ส่วนตัวพอผมมาใช้คันนี้ ผม Lean out อย่างเดียวเลยครับ (ซึ่งไม่เคยคิดใช้ตอนขี่ Naked เลย)
เพราะแบบ Lean out เห็นโค้งได้มากกว่า (lean in หัวมันจะทิ่มเข้าไปในโค้ง เลยมองไกล ๆ ไม่ค่อยได้) และแถมไปแอบให้ อ. สอนแนว Motard มาด้วย ถึงท่าจะดูไม่เข้ากับรถ แต่ผมรู้สึกมั่นใจมากกว่า เวลาโค้งแคบมาก ๆ หรือเวลาถนนลื่นนิด ๆ ช่วงฝนตก หรือ ถนนกรวด
สรุปคือ มันส์กว่าเดิมมากครับเดียวโค้งนี้ Hang on โค้งหน้า Lean in โค้งแคบ Lean out ดูถนนลื่น ๆ แหย่ขา Motard มันสะเลย สนุกกว่าเดิมอะ
**หมายเหตุ Hang on, Lean with, Lean in และ Lean out เป็นวิธีการจัดท่าทางผู้ขี่ในการเข้าโค้ง


คือเวลาขี่รถจะดูแค่ความเร็วหน้าไมค์ คงไม่ได้ เพราะมันมี effect อื่น ๆ เช่น ถ้า Naked ผมต้องหมอบเต็มที่ เมื่อทำความเร็วช่วง 150 และรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ อาจเป็นด้วยเพราะท่านั่งที่เราต้องฝืนกดตัวลงไป และแรงลมที่ปะทะ
แต่ V-strom 650 ความเร็วช่วง 150 สบาย ๆ ครับ ถ้าชิลด์สูงก็สบายมองลอดชิลด์นั่งตรง ๆ ไปเลย (ส่วนตัวผมชอบปรับชิลด์ต่ำหน่อยแล้วยื่นหัวไปใกล้ แล้วมองข้ามชิลด์แทน เพราะ ผมมองผ่านชิลด์แล้วปวดหัว)
หรืออย่าง Hyperstrada ถ้าขี่เร็วผมจะรู้สึกหวิว เพราะรถออกแบบมาให้นั่งไปข้างหน้าใกล้แฮนด์ style Motard (แต่ท่าทางช่วงโค้งแคบ ๆ เยอะ ๆ น่าจะมันส์) ส่วน V-strom จะไกลจากหน้ารถค่อนข้างมาก คล้าย ๆ Multi ส่วนตัวผมรู้สึกสบายใจกว่า
อ๋อ มีเรื่องเปิ่น ๆ ของผมครับ ตอนผมไปลองรถ V-strom ครั้งแรก ที่สหพานิช เชียงใหม่ ผมรู้สึก fail มาก ๆ ครับ เพราะรู้สึกว่ามันบิดไม่ขึ้น ผมบิดประมาณเดียวกัน Ducati 795 น่าจะทะลุไปร้อยกว่าแล้ว แต่ทำไม V-strom ทำยังไงก็ไม่เกิน 90 สุดท้ายเอะใจว่าทำไมเราขี่ 90 แต่มันแซงรถเราทุกคันเลยหวะ ก้มดูอีกที ถึงรู้ว่าเขา set เป็น ม./ชม. ไม่ใช่ กม./ชม. 555


พอใช้ V-strom แอบอยากให้ GPS พาหลงไปทางดินบ้าง เพราะมันสนุกและไม่ต้องกังวลเลยว่ารถจะพัง ลงหลุมไปเลย กระแทกไปเลย ลุยน้ำ ลุยกรวด สนุกสุด ๆ เหตุผลนึงเพราะเรารู้ว่า รถเราค่าซ่อมไม่แพง จะเป็นรอย จะกระแทกอะไรไป ก็ซ่อมเปลี่ยนได้ไม่เครียดและจากการใช้งาน ก็ยังไม่เคยรู้สึกว่ามันจะพังนะ

อาจจะฟังดูแปลก ๆ ที่ผมวัดเป็นชั่วโมง ไม่ได้วัดเป็นกิโล เพราะผมใช้เกณฑ์ น้ำมันหมดเป็นเวลาเดียวกับพักขี่ครับ ก็เลยตั้งไว้ทุก 2.5-3 ชม พักที เติมน้ำมัน ที ถ้าเป็น 795 เติมบ่อยมาก ชั่วโมงนิด ๆ ต้องมาหาปั๊มแหละ พักทีก็ 15-30 นาที บางทีก็เสียเวลาเกินไป

คลิป Suzuki V-Strom 650 riding in town โพสต์โดยคุณ Hdil Benraheem สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ขอบคุณคลิปจากคุณ Skulduggery ท่านนี้ขี่เก่งไปครับ อาจจะเอาเป็นมาตราฐานในการซอกแซกไม่ได้ 555



แต่ถ้ามองเรื่องศูนย์ และกิจกรรมต่าง ๆ ต้องบอกเลยว่า kawasaki น่าจะกินขาดครับ เพราะ ศูนย์เยอะ กิจกรรมมีทั้งทางเรียบ ทางดิน ทางฝุ่น ทำตลาดมานานกว่า
แต่สำหรับ suzuki ผมบอกได้เพียงว่า "เพียงพอ" ครับ ถึงศูนย์จะไม่เยอะ แต่ไม่ลำบากในการใช้บริการ (เพราะเราไม่ได้ Maintanence ทุกเดือนนี้ครับ) ช่างแก้ปัญหาได้ดีครับ และมีความเอาใจใส่ในการซ่อมมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เหมือนหัวหน้าช่างลงมาซ่อมให้ท่านเองครับ
เคยมีปัญหา ครั้งนึง เหมือนมีเสียงที่ผมอธิบายไม่ถูกว่าเป็นเสียงอะไร และอีกวันต้องไปออกทริปด้วย ช่างบอกว่าเข้ามาคลอง 3 ได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมดูให้เลย เพราะเป็นห่วงพรุ่งนี้ลูกค้าต้องไปออกทริปไกล อยากบอกว่าหงุดหงิด เพราะมันไกลที่ผมอยู่มากกก
แต่เมื่อไปถึงก็ประทับใจมากครับ ช่างรุมรถผม 3 คน เช็คในส่วนอื่น ที่ไม่ได้มีปัญหาให้ด้วย เช่น เห็นว่ารถติดไฟเพิ่ม ช่างก็เลยเปิดดูขั้วแบตดู เพราะช่างบอกว่ามีโอกาศที่ร้านของแต่งติดกลับไม่แน่นเลยเช็คเพื่อความชัวร์ เอากาวมาอัดยางปิด ตรงรูน็อตถอดสวิงอาร์ม เพราะลูกค้าท่านอื่นหลุดหลายคันแล้ว (ครั้นนั่น เป็นแค่โซ่เริ่มจะหย่อน 555 ผมก็ทำเป็นตื่นตูมไปเอง แล้วดันแยกเสียงไม่ออกอีก)
หรือจะนัดช่างไปที่ เมเจอร์รัชโยธินก็ได้เหมือนกันครับ (ปกติผมก็นัดไปทำเช็คตามระยะที่เมเจอร์ครับไม่ได้ไปถึงคลอง 3)
ต่างจังหวัดเคยแวะไปที่ สหพานิช เชียงใหม่ ได้ไปลองรถที่นั่น พนักงานต้อนรับดีมากครับ ได้ลองวิ่งเส้นยาว ทางไปแม่ริม (เกือบแอบเอาขึ้นน้ำตกแม่สาแหละ แหะ แหะ แต่ดูไปไกลเกิน เกรงใจ) และมีความรู้เรื่องรถ ทั้งเรื่องของแต่ง เครื่องยนต์ เทียบต่างค่ายได้ด้วย คือ เป็นคนที่เราคุยแล้วก็รู้ว่าชอบรถเหมือนกัน ตามข่าวเกี่ยวกับเรื่องรถ เหมือนกันครับ
กิจกรรม ที่พึ่งเริ่มมี ก็เป็นการอบรมขับขี่ที่สนามใหม่คลอง 3 ถึงจะไม่ได้ดีเท่า Honda safety แต่สำหรับกิจกรรมฟรี ๆ ที่จัดเพื่อลูกค้า ถือว่าดีมากเลยครับ สำหรับท่านที่เป็นเจ้าของ Bigbike Suzuki รุ่นไหนก็แล้วแต่ ไปลงทะเบียนโดยส่ง ไปใน inbox FB SUZUKI Society นะครับ อย่าให้พลาดเชียวหละครับ

ถึงจะไม่ได้ดีเท่ากับ จ่ายตังค์ลงเรียนกับ Honda Safety หรือ Motoaholic แต่เป็นกิจกรรมฟรี ที่ได้ประสบการณ์ และสนุกเลยหละครับ (ถึงผมจะลงเรียนไปหลายที่ แต่ที่ Suzuki ผมก็ยังได้ประสบการณ์ ทักษะเพิ่มเหมือนกันนะ)
สรุปเลยหละกันว่า "ไม่ผิดหวัง" จบครับ
เว็บของกลุ่มคนที่ใช้ V-strom เพื่อท่านไหนสนใจอยากหาข้อมูลเพิ่ม
facebook Touringbike-Thailand
v-stromclubthailand.com
facebook groups thestromriders/
สำหรับคนที่คิดจะไปลอง แต่ไม่เคยขี่รถแนวสูงปรี๊ดแบบนี้มาก่อนมีคำแนะนำเล็กน้อยครับ
คนที่ไม่เคยขี่รถแนวนี้มาก่อน ผมเชื่อว่า ครั้งแรกจะรู้สึกไม่ถนัดกันทุกคนหละครับ ผมสูง 178 แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันถนัด หรือว่าง้าย ง่าย นะครับ แต่ถ้าได้รู้วิธีขึ้นลง วิธีออกตัว และได้ลองไปสักพัก จะรู้ว่ามันไม่มีปัญหาครับ
คำแนะนำ สำหรับคนไทยทั่วไป น้อยที่จะมีคนขี่รถแนวนี้แล้วลงเต็ม 2 ขา ได้ ถ้าได้ต้องน่าจะสูงประมาณ 190 ซม. เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องเขย่ง บัลเลต์เป็นกันทุกคนครับ
1.ให้ตั้งขาตั้งไว้ก่อน แล้วเหยียบพักเท้าปีนข้ามไปเลย เหมือนกับวิธี ที่คนซ้อนใช้ขึ้น
2.ใช้ขาซ้ายถีบรถให้ตั้งตรง แล้วเถิบก้นมาทางขวาเยอะ (คือ นั่งด้วยแค่แก้มก้นข้างซ้าย ค่อนออกไปทางต้นขาซ้ายเลย) แล้วเอาเท้าขวายันพื้น แบบเต็ม ๆ ฝ่าเท้าเลยนะครับ
3.เตะขาตั้งขึ้นครับ ปกติรถแนวนี้ จะมีโครงเหล็กตรงกลางขาตั้ง ทำให้เขี่ยขาตั้งง่ายขึ้น
4.บิดออกไปทั้งนั่งแบบเอียงนี่แหละครับ แล้วค่อยยกตัวขยับมานั่งตรงกลางเหมือนเดิมครับ
*อย่าพยายามลง 2 ขา เพราะยังไง ๆ มันก็บัลเล่ย์ครับ ผม 178 ก็บัลเล่ย์ครับ ลงแบบทีละขาสบายกว่าเยอะครับ
เขียนเพิ่มนิด สำหรับท่านที่กำลังจะถอยใหม่ ๆ แล้วไม่อยากแต่งรวดเดียว ผมแนะนำ ตามลำดับนี้ เลยครับ
1.ใส่กันเครื่องด้านล่าง - ก่อนเลยครับ แนะนำว่าควรเป็นอันที่เป็นเหล็ก ไม่ SW ก็ Givi ครับ เพราะว่า อย่างกันล้มต้องล้มก่อนถึงได้ใช้ แต่ กันเครื่อง ไม่ต้องล้ม ขี่เที่ยวเฉย ๆ ก็ได้ใช้แล้วครับ ยิ่งชอบลุยไปทุกที่นะครับ
2.กระเป๋า - ผมเชียร์จัด Top Box ก่อนครับ ยิ่งถ้าใน กทม แล้ว ถ้าติดครับ 3 ใบ นี่เท่า ตุ๊ก ตุ๊ก เลยครับ แทรกแทบไม่ได้ ถ้า Top box ใบเดียว ไม่พอก็ผูก ๆ มัด ๆ ตามเบาะเอาครับ หรือ ไม่ไหวจริง ผบ. ของเยอะ ก็ถอยให้ครบ 3 อิ อิ
3.กันล้ม - อันนี้ผมว่า ผมติดเพื่อความสวยงามก่อนคิดเรื่องป้องกัน เพราะ รถเดิม ตอนไม่มี มันดูเหมือนคนผอมเห็นซี่โครง อะครับ
ส่วนที่เหลือ ก็ตามจิตศรัทธา อ๋อ ติด ที่จุดบุหรี่ก็ดีครับ ใช้ ชาร์จ นู่นนี่ จำเป็นมากเหมือนกันครับ

