
BUICK Regal GS 270 แรงม้า ซ่าส์!!! พอตัว (ยานยนต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก buick.com
อีกบททดสอบจากฝรั่งที่อยากนำมาเสนอให้ผู้อ่านทุกท่านได้ชมกัน แม้ว่ารถรุ่นนี้จะไม่มีให้สัมผัสในบ้านเราก็ตาม (แต่ถ้าใครอยากได้ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรสำหรับยุคนี้ สั่งได้ในพริบตา) แต่ด้วยความครบเครื่องจนรถยนต์ในพิกัดเดียวกันต้องหวั่นเกรงจึงเป็นที่มาให้เราหยิบยกมาให้ชมกันในวันนี้ โดยรายละเอียดต่าง ๆ จะมีความน่าสนใจและโดดเด่นขนาดไหนถึงทำให้เป็นรถที่มีหลายคนอยากครอบครองเราต้องไปพิสูจน์กันที่เนื้อหาต่อไปครับ
ภายนอกหล่อคน ภายในเข้มครบ
เพราะ Regal GS คือหนึ่งในตระกูลยานยนต์แบรนด์หรูอย่าง BUICK ครั้นจะให้รูปร่างหน้าตาสปอร์ตเร้าใจเต็มพิกัดก็ใช่ที่ ด้วยเหตุนี้รูปลักษณ์ภายนอกของรุ่นนี้จึงผสมผสานเข้าระหว่างความหรูเข้ากับความสปอร์ต (เบา ๆ ) อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าที่ดูหรูหราด้วยกระจังโครเมี่ยมขนาดใหญ่ กึ่งกลางแปะโลโก้ประจำค่าย ถัดมาจะพบกับความทันสมัยด้วยไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็คเตอร์ทรงสวยและกลมกลืนไปกับเส้นสายของรถอย่างลงตัว เสริมความสปอร์ตให้เหมาะสมกับเป็นเวอร์ชั่นแรงด้วยกันชนสไตล์สปอร์ตกึ่งกลางเจาะเป็นช่องดักอากาศขนาดพอเหมาะ ขนาบข้างด้วยช่องดักอากาศทรงสามเหลี่ยมวางตั้งเสร็จแล้ว เสริมช่องดักอากาศเล็ก ๆ เข้าไปอีกข้างละเส้นดูโหดพอตัว

ขยับมุมมองมาด้านข้างจะรู้สึกถึงขนาดที่บอกว่านั่งสบายดุจรถนั่งชั้นสูงในมิติความยาว กว้าง และสูง เท่ากับ 4,831 - 1,811 - 1,480 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,693 กิโลกรัม กระจกมองข้างฝังไฟ LED มาเสริมด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังดูโหดนิด ๆ ด้วยโป่งล้ออวบใหญ่รองรับยางหน้ากว้างไซส์บิ๊ก ด้านท้ายสะดุดตากับไฟท้ายทรงรี วางตามแนวเส้นสายของรถได้อย่างลงตัว บานฝากระโปรงท้ายออกแบบให้ด้านบนโค้งขึ้นคล้ายสปอยเลอร์ชิ้นเล็กมาเสริมหลักอากาศพลศาสตร์พร้อมติดตั้งไฟเบรคดวงที่สามเพื่อความปลอดภัย ตามแบบฉบับของรถยนต์ค่ายนี้

ทุกท่านคงทราบดีว่าการออกแบบตกแต่งภายในห้องโดยสารนั้นจะเน้นไปทางด้านความหรูหราสง่างามเป็นหลัก เช่นเดียวกับ Regal GS แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหรูหราเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อสังเกตส่วนประกอบบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นรูปทรงสปอร์ต ควบคุม Cruise Control ระบบ Bluetooth โทรศัพท์ชุดขับกล่อมหัวเกียร์ทรงสวย เบาะนั่งหุ้มหนังทั้งชุด

คู่หน้ามีไซต์ซัพพอร์ทโอบกระชับกับสรีระการออกแบบแผงหน้าปัด โดยให้มาตรวัดค่าเป็นทรงกระบอกแบ่งเป็นสองวงใหญ่ และสองวงเล็กล้อมกรอบโครเมี่ยมเรียบร้อย คั่นกลางด้วยทริปมิเตอร์แสดงค่าอื่น ๆ ที่จำเป็น อีกทั้งแผงแด๊ชบอร์ดหน้ายังโค้งรับกับแผงข้างประตูซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ภายในห้องโดยสารมีความสปอร์ตสมกับเป็นเวอร์ชั่นแรงมากขึ้น

ทางด้านความหรูหราสะดวกสบายจะเกาะกลุ่มอยู่ที่คอนโซลกลาง ซึ่งด้านบนติดตั้งจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว แสดงแผนที่ระบบนำทาง ชุดขับกล่อมชั้นดี ระบบปรับอากาศดิจิตอล ขยับลงมาบริเวณด้านล่างของคอนโซลเกียร์จะพบกับปุ่มคอนโทรลระบบต่าง ๆ อีกสเต็ป พร้อมกับปุ่มเบรคมือไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เบาะหลังรูปทรงกว้างขวางนั่งสาย ยกปีกข้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อความกระชับ นอกจากนี้ เบาะตรงกลางยังสามารถพับลงมาเป็นที่พักแขน และวางเครื่องดื่ม ผ่อนคลายทุกการเดินทาง
บล็อกไม่ใหญ่ แต่จัดจ้านพอตัว
สำหรับขุมพลังที่บรรจุอยู่ในเรือนร่างของ Regal GS จะแตกต่างจากเวอร์ชั่นธรรมดา เพราะมีความแรงมากกว่าโดยจะเป็นเครื่องยนต์แบบ DOHC แถบเรียง 4 สูบ ฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ปริมาตรความจุเครื่องยนต์ 1,998 ซีซี. พ่วงด้วยเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ จึงสามารถปั่นกำลังออกมาโลดแล่นบนถนนได้ถึง 270 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 295 ปอนด์-ฟุต (400 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,400 รอบต่อนาที จากการส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดเฟืองท้าย 3.76 พร้อมการปล่อยไอเสียให้ไหลผ่านได้อย่างรวดเร็วจากชุดท่อไอเสียสเตนเลสทั้งยวงลงสู่การขับเคลื่อนที่ล้อคู่หน้า
สำหรับระบบกันสะเทือนด้านหน้าให้มาแบบเม็ดเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังแบบโฟร์ลิ้งค์ระบบเบรคแบบดิสค์เบรคสี่ล้อผลงานจาก BREMBO ด้านหน้าจานเบรคขนาด 320 มิลลิเมตร ด้านหลัง 315 มิลลิเมตร พ่วงด้วยระบบเบรค ABS ส่วนวงล้อที่ให้มามีขนาด 19 x 8.5 นิ้ว พร้อมยาง PIRELLI P Zero ขนาด 245/40 R 19
ได้รับทราบข้อมูลติดตัวกันแล้วคงพอจะเดาออกว่าสมรรถนะที่รอคอยการพิสูจน์นั้นคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซึ่งก็จริงอย่างที่คาดไว้ เพราะเมื่อฝรั่งนำไปทดสอบหาอัตราเร่งจากจุดนิ่งไปยังความเร็วต่าง ๆ ผลออกมาว่าจาก 0 - 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 6.2 วินาที, 0 - 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านไปด้วยเวลา 16.1 วินาที และจาก 0 - 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำเวลาได้ 30.1 วินาที
นับว่ากำลังของเครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีพอควร เท่านั้นยังไม่พอเพราะการทดสอบยังได้ ลองใช้เกียร์ 6 อันเป็นเกียร์สูงสุดในการทดสอบอัตราเร่งไม่ว่าจะก็จะมีตัวเลขอยู่ที่ 13.0 วินาที จะเห็นว่าอัตราเร่งยังคงกระฉับกระเฉงแม้จะใช้เกียร์ 6 ทะยานก็ตาม ซึ่งจุดนี้น่าจะมีผลมาจากแรงบิดอันมหาศาลของเครื่องยนต์ที่ทำงานในรอบต่ำเพียง 2,400 รอบต่อนาที จึงทำให้ไม่ว่าจะเร่งตอนไหนก็มันส์ได้ทุกเวลา
ปิดท้ายการทดสอบกับอัตราการบริโภคน้ำมันที่หลายคนหวั่น ๆ ว่ารถแรงผูกโบว์มาแบบนี้คงชดเอาเรื่อง ซึ่งผลการทดสอบได้ยืนยันออกมาว่าหากวิ่งในเมืองอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 8.07 กิโลเมตรต่อลิตร แต่หากออกไปวิ่งยาว ๆ นอกเมืองตัวเลขจะขยับมาเป็น 11.47 กิโลเมตรต่อลิตร
จากการทดสอบทั้งหมดทำให้พอสรุปได้ว่า BUICK Regal GS บริโภคเชื้อเพลิงพอควรกับเครื่องยนต์ความจุแค่ 2.0 ลิตร แต่ทว่า เมื่อแลกกับความแรงที่ได้รับและทำให้ขับมันส์อยู่ตลอดเวลา ก็ถือว่าพอรับได้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กัน เมื่อเร็วแรงได้ใจแล้วความสิ้นเปลืองย่อมตามมาอยู่เสมอ ซึ่งถ้าไม่คิดมากอะไรและลองเทียบชั้นกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันตัวเลขนี้อาจจะดีกว่าบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ และเมื่อรวมองค์ประกอบทั้งโดยรวมต้องยอมรับว่า BUICK Regal GS เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่นำใช้ แต่เสียดายที่บ้านเราไม่มีให้ลองของจริงกันเท่านั้นเองครับ







