ประกันภัยรถยนต์ เคลมได้กี่ครั้งต่อปี ถ้าเคลมบ่อยเป็นอะไรไหม ทำให้เบี้ยประกันแพงขึ้น เสี่ยงติดแบล็กลิสต์ หรือถูกยกเลิกประกันเลยหรือไม่ มาหาคำตอบกัน
ประกันภัยรถยนต์ หรือการประกันวินาศภัยประเภทหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายอันเกิดจากการใช้รถ จะให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบที่เกิดแก่ รถยนต์ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารด้วย
ประกันภัยรถยนต์หากแบ่งตามหัวข้อหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า พ.ร.บ. เป็นประกันภัยที่ภาครัฐบังคับให้รถทุกคัน ทุกประเภท ต้องทำเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองตัวบุคคล หากเกิดอุบัติเหตุที่สร้างความเสียหายแก่ร่างกาย และชีวิต
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ คือ การทำประกันที่เกิดขึ้นตามความสมัครใจของเจ้าของรถ โดยเป็นการซื้อเพิ่มเติมนอกเหนือจากประกันภัยภาคบังคับ ส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองทั้งตัวบุคคล และทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยรถยนต์นั้น ๆ
ซึ่งประกันภัยที่เจ้าของรถหลายคนนิยมทำและเลือกใช้กันมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นประกันชั้น 1 เพราะถือว่าเป็นประกันภัยที่คุ้มครองแบบครอบคลุมที่สุด ทั้งตัวของผู้เอาประภัย คู่กรณี ทรัพย์สินที่เสียหายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด บริษัทประกันที่เราทำจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าเคลมประกันบ่อยจะมีผลเสียอะไรไหม ทำเบี้ยแพงขึ้นจริงหรือเปล่า และถ้าเคลมมากไปเสี่ยงติดแบล็กลิสต์จนถึงขั้นถูกยกเลิกประกันจริงหรือไม่ ? วันนี้เราจะพาไปไขข้อสงสัยกัน
เคลมประกันบ่อย มีผลเสียอย่างไร
การเคลมประกันเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากที่จะเคลมประกันบ่อย ๆ เพราะนั่นหมายถึงการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์บางอย่างที่สร้างความเสียหายให้กับร่างกาย และทรัพย์สิน หากเคลมประกันเมื่อเกิดการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นโดยที่เราเป็นฝ่ายถูกก็คงจะไม่ส่งผลเสียมากนัก แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดย่อมไม่ดีแน่ เช่นเดียวกับการเคลมอีกลักษณะหนึ่งก็คือ การเคลมซ่อมสี หรือเก็บริ้วรอยต่าง ๆ ที่บางคนอาจขับรถไม่ระมัดระวัง ชนกระถางต้นไม้ หรือประตูบ้าน จำเป็นต้องแจ้งเคลมกับบริษัทประกันเพื่อซ่อมสี ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์หากเกิดซ้ำ ๆ หลายครั้งย่อมส่งผลเสียตามมา ได้แก่
1. ไม่ได้รับส่วนลดเบี้ยประกันในปีถัดไป
ส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะมีสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่ไม่เคยเคลม หรือเกิดอุบัติเหตุใดเลยในช่วงที่ประกันให้ความคุ้มครอง ถ้าเกิดอุบัติเหตุก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น โดยที่ในปีถัดไปหากเจ้าของรถเลือกทำประกันกับบริษัทเดิมก็จะได้รับส่วนลดเบี้ยกระกันที่ถูกลง แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายผิด หรือมีการเคลมซ่อมสีเกิดขึ้น บริษัทประกันอาจพิจารณาไม่ให้ส่วนลดได้
2. จ่ายเบี้ยประกันแพงขึ้น
การปรับราคาขึ้น-ลงของเบี้ยประกันภัย แม้จะมีสาเหตุหลายอย่างจากเศรษฐกิจในช่วงนั้น แต่อันดับแรกที่มีผลกับเบี้ยประกันว่าจะถูกปรับลดหรือเพิ่มขึ้นก็คือการเคลม หากเจ้าของรถไม่เคยเคลมประกันเลยตลอดทั้งปี ในปีถัดไปค่าเบี้ยประกันจะถูกลงเพราะถือว่ามีประวัติดี แต่ถ้าตลอดปีที่ผ่านมามีการเคลมประกันบ่อย โอกาสที่จะถูกเก็บค่าเบี้ยประกันแพงขึ้นก็มีสูง
3. อาจติดแบล็กลิสต์ หรือถูกยกเลิกกรมธรรม์
แม้ประกันภัยรถยนต์จะไม่ได้มีการระบุจำนวนครั้งในการเคลม หรือจำนวนครั้งในการเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเคลมมากจนเกินไป หรือเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง บริษัทประกันอาจยกเลิกกรมธรรม์ หรือปฏิเสธการต่อประกันภัยในปีถัดไป ซึ่งเงื่อนไขนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทประกันนั้น ๆ ด้วย
เคลมประกันบ่อย
เปลี่ยนบริษัทเพื่อให้เบี้ยถูกลงได้ไหม ?
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนเลือกใช้ หากในปีนั้น ๆ มีการเคลมประกันภัยหลายครั้งจนมั่นใจว่าปีต่อไปต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงขึ้นแน่นอน เลยเลือกที่จะทำประกันภัยกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจ่ายเบี้ยถูกลง ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าบริษัทประกันจะทำการตรวจสอบประวัติย้อนหลังกับเจ้าอื่น ๆ หากพบว่ามีการเคลมบ่อยอาจถูกปฏิเสธทำประกันก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละที่ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทางที่ดีเราควรขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท และเคารพกฎจราจร เพื่อลดการเกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของทั้งตนเองและผู้อื่น ๆ ที่สำคัญเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไปจะได้ไม่เพิ่มขึ้น แถมอาจได้ส่วนลดอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : oic.or.th, viriyah.com, tqm.co.th