อังกฤษเตรียมแบน รถใหม่เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ในปี 2040 อวสานรถใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อโลกสวย อังกฤษเตรียมสั่งห้ามจำหน่ายรถใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน-ดีเซล ในปี 2040 เช่นเดียวกับฝรั่งเศส
คงใกล้อวสานรถเครื่องยนต์สันดาปภายในเต็มที
ซึ่งล่าสุดจากการรายงานของเว็บไซต์ The Guardian อังกฤษได้เตรียมประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน-ดีเซล
ภายในปี 2040 แบบเดียวกับฝรั่งเศสแล้ว
โดยโฆษกรัฐบาลของอังกฤษระบุว่ามาตรการขั้นเด็ดขาดนี้จะถูกประกาศใช้ก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม
2560
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเสี่ยงต่อสุขภาพของชาวอังกฤษจากปัญหามลภาวะทางอากาศซึ่งจัดว่าเข้าขั้นเลวร้ายในปัจจุบัน
ทั้งนี้รัฐมนตรีของอังกฤษหลายท่านเชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาลถึง
2.7 พันล้านปอนด์ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท
ในแต่ละปีกับปัญหาสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศ
และถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลอังกฤษควรต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและลงมือดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
รวมถึงรัฐบาลอังกฤษยังจะเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 3 พันล้านปอนด์ หรือกว่า
1.3 แสนล้านบาท
เพื่อให้ฝ่ายเทศบาลเร่งวางแผนที่จะพัฒนาและฟื้นฟูสภาพอากาศบนท้องถนนที่ย่ำแย่ให้กลับมามีคุณภาพที่ดีขึ้น
ซึ่งรวมไปถึงการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีบริการชาร์จไฟกระจายตามจุดต่าง
ๆ และระบบขนส่งมวลชนมลพิษต่ำ เป็นต้น
นอกจากนี้สำหรับการนำเสนอแนวคิดระบบการจัดเก็บภาษีมลภาวะก่อนหน้านี้ หรือ
T-Charge (หรือ Toxic-Charge) สำหรับรถเครื่องยนต์เบนซิน-ดีเซล
ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ยูโร 4 (Euro-4) ซึ่งจะคิดในอัตรา 10 ปอนด์/วัน หรือราว
436 บาท
เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการจัดเก็บภาษีการใช้รถยนต์ในชั่วโมงเร่งด่วน
(Congestion Charge) อยู่แล้ว 11.50 ปอนด์ หรือราว 500 บาท
หากขับเข้าย่านใจกลางกรุงลอนดอนในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงเวลา 7.00-18.00
น.
โดยรวม ๆ แล้วหากข้อเสนอนี้ผ่านการพิจารณา
(แต่จะเป็นแค่ข้อบังคับใช้ขึ้นอยู่กับฝ่ายเทศบาลไม่ใช่กฎหมาย
ซึ่งต่อไปอาจไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในลอนดอนก็ได้)
รถที่อยู่ในเกณฑ์หากวิ่งเข้าลอนดอนอาจต้องจ่ายเกือบ 1,000 บาท/วัน
เลยทีเดียว โดยขณะนี้ T-Charge ยังเป็นแค่แนวคิดเท่านั้น
และคาดว่าจะมีรถที่ได้รับผลกระทบนี้เป็นจำนวนมากถึง 10,000 คัน
ใครที่มองว่ารถเมืองไทยมีราคาแพงกว่าต่างประเทศอาจต้องลองทบทวนใหม่ในรายละเอียด
แต่ประเด็นคือภาษีในส่วนที่ต้องจ่ายแพงนั้นถูกนำไปใช้กับอะไรเพื่อใครและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมแค่ไหนดูเป็นสิ่งที่ควรจะขบคิดมากกว่าการได้ซื้อรถถูกเพียงอย่างเดียวเพราะแบบนั้นเราก็อาจจะไม่ต่างอะไรกันเลย
ที่มา The Guardian