
iOS 11 อัพเดทใหม่ เมื่อเชื่อมต่อ Apple CarPlay จะล็อก iPhone ให้เข้าสู่โหมด "ห้ามรบกวน" หรือ "Do not disturb" อัตโนมัติขณะขับขี่รถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยรูปแบบกึ่งบังคับนี้เป็นการรับมือกับผู้ขับขี่ที่ไม่รู้ว่าควรจะใช้งาน iPhone ตอนไหนหลังจากเกิดเรื่องราวเป็นคดีความฟ้องร้องในสหรัฐฯ ซึ่งผู้ขับขี่รายหนึ่งใช้ FaceTime ขณะขับขี่จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กวัย 5 ขวบ เมื่อปี 2014


และหลังจากการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 11 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ทำให้ Apple CarPlay สามารถใช้ Bluetooth และ Wi-Fi บังคับให้ iPhone ปิดเสียงสายเรียกเข้า-การแจ้งเตือนและไม่สามารถรับสายได้ (พิมพ์ข้อความก็ไม่น่าจะได้ด้วย) รวมถึงหน้าจอมืดโดยอัตโนมัติ (โหมดห้ามรบกวน "Do not disturb") เพื่อให้ผู้ขับมีสมาธิกับการขับขี่มากที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในโหมดนี้ iPhone ยังสามารถส่งข้อความกลับผู้ที่ติดต่อเข้ามา (เฉพาะรายชื่อที่อยู่ในกลุ่ม Favorite) อัตโนมัติ (Instant Message) เพื่อให้รับทราบด้วยคุณว่ากำลังขับรถอยู่และไม่สะดวกที่จะรับสายหรือตอบกลับ


แต่ในกรณีที่ iPhone ซึ่งเชื่อมต่อ Apple CarPlay นั้นไม่ได้เป็นของผู้ขับขี่ iOS 11 ก็ยังเปิดโอกาสให้สามารถ "ยกเลิก" โหมด "ห้ามรบกวน" นี้ได้ด้วยการระบุว่า "ไม่ใช่ผู้ขับขี่" ซึ่งยังต้องมีเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถใช้ iPhone ได้ตามปกติ เช่น พิมพ์ข้อความ, FaceTime รวมถึงการรับสาย และนั่นก็อาจจะเป็นช่องว่างให้ "ผู้ขับขี่" สามารถใช้ขั้นตอนนี้โกหกสมาร์ทโฟนอันแสนฉลาดว่า "เป็นผู้โดยสาร" ได้ด้วยแล้วมันก็จะเข้าสู่วงจรเดิม ๆ อีกอยู่ดี



อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ใหม่ "ห้ามรบกวนขณะขับรถ" อัตโนมัติสำหรับ iOS เวอร์ชั่นล่าสุด นั้นได้ผลแค่ไหนคงต้องรอให้เปิดอัพเดทกันเสียก่อน แต่ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ว่าจะเลือกเป็น "ผู้ขับ" และเข้าโหมดห้ามรบกวน หรือปล่อยให้ใช้งานได้ต่อไปขณะขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยโดยการหลอกว่าเป็น "ผู้โดยสาร"
ภาพและที่มาจาก Apple.com