x close

ขับขี่อย่างปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ขับรถหน้าฝน
ขับขี่อย่างปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ขับขี่อย่างปลอดภัยช่วงหน้าฝนโดยเชฟโรเลต (เชฟโรเลต ประเทศไทย)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก chevrolet

          เมื่อเมืองไทยเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับความท้าทายบนท้องถนนหลากหลายรูปแบบทั้งทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจน พื้นผิวถนนที่เปียกลื่น สิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น และน้ำท่วมขังบนพื้นถนน

          "ถึงแม้รถยนต์ที่มีความทันสมัยที่สุดในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ การปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้จะช่วย เพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับขี่บนพื้นถนนที่เปียกลื่น นอกจากนี้ช่างเทคนิคที่ศูนย์ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลตจะช่วยตรวจสอบและสร้างความมั่นใจให้คุณได้ว่ารถของคุณมีความพร้อมในการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น" คุณสุพจน์ ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย คนใหม่กล่าว

         เพิ่มทัศนวิสัยแก่ตนเองและผู้ขับขี่รถคันอื่น

          ไฟหน้าช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ทั้งตัวคุณและผู้ขับขี่รถคันอื่นได้มองเห็นในสภาพแสงน้อยและฝนตกหนัก ควรเปิดไฟหน้าในสภาวะที่ฝนตกหนัก คุณธนชาติ จันทร์วาววาม ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต ช.เอราวัณ นครปฐม แนะนำ

          ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉินยกเว้นเมื่อจอดรถและต้องการให้รถคันอื่นหลบเลี่ยง ถ้ารถของคุณมีไฟตัดหมอก ควรเปิดใช้งาน นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ใบปัดน้ำฝนที่ฉีกขาดหรือเสียหายจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดคราบน้ำ บนกระจกหน้าซึ่งจะลดทัศนวิสัยในการขับขี่

ขับรถหน้าฝน

         เติมลมยางอย่างเหมาะสม

          ยางรถยนต์ที่มีแรงดันลมมากเกินไปจะทำให้ตัวรถ "ลอยตัว" เมื่อเคลื่อนที่ การสัมผัสระหว่างหน้ายางและพื้นถนนลดลงทำให้สูญเสียการยึดเกาะ สำหรับยางที่มีแรงดันลมน้อยเกินไปจะทำให้ หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินปกติซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมรถบนถนน ที่มีน้ำขัง คุณธนชาติ จันทร์วาววาม เสริมว่า ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบดอกยาง ยางที่ฉีกขาดหรือเสียหาย จะไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อการยึดเกาะถนน

         ไม่ควรใช้ระบบควบคุมความเร็วหรือครูสคอนโทรล

          คุณณรงค์ คองประเสริฐ ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต บริษัท เจริญมอเตอร์ เชียงใหม่ จำกัด กล่าวว่าผู้ขับขี่ไม่ควรใช้ระบบครูสคอนโทรลบนถนนเปียกลื่น เนื่องจากถ้ายางสูญเสียการยึดเกาะบนถนนที่เปียกลื่น ล้อจะหมุนช้าลงและตัวรถจะชะลอความเร็วลงอย่างต่อเนื่องจนกว่ารอบการหมุนของล้อจะเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้งานซึ่งทำให้มีการยึดเกาะถนนตามปกติ

          แต่ถ้าหากยางสูญเสียการยึดเกาะถนนขณะเปิดใช้งานระบบครูสคอนโทรลซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความเร็วตัวรถให้คงที่ ระบบดังกล่าวจะตรวจจับว่ามีการชะลอความเร็วและจะเร่งเครื่องยนต์ขึ้น ซึ่งจะทำให้ยางเส้นใดเส้นหนึ่งหรือทั้งหมดสูญเสียการยึดเกาะถนน ส่งผลให้ผู้ขับขี่อาจไม่สามารถควบคุมรถได้

         เพิ่มระยะการเบรกและหลีกเลี่ยงการสูญเสียการควบคุมรถบนถนนที่มีน้ำขัง

          คุณพีรวัส มุทาวุฒิกร ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต บริษัท ชลบุรี ออโต้เซ็นเตอร์ จำกัด แนะนำ ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วลงเมื่อขับผ่านถนนที่เปียกลื่นและเพิ่มระยะห่างระหว่างรถคันหน้ามากขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อเทียบกับการขับบนถนนที่แห้งเพื่อการเบรกอย่างปลอดภัย

          การชะลอความเร็วยังลดโอกาสการสูญเสียการควบคุมรถบนถนนที่มีน้ำขัง ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อดอกยางไม่สามารถรีดน้ำที่อยู่ระหว่างยางและพื้นถนนได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือยางเส้นใดเส้นหนึ่ง หรือหลายเส้นเกิดอาการ “ลอยตัว” บนผิวน้ำ ทำให้ตัวรถและยางลื่นไถล

          หากรถสูญเสียการควบคุม ผู้ขับขี่จะรู้สึกว่าพวงมาลัยมีน้ำหนักเบาอย่างกะทันหันและรถไม่ตอบสนองต่อการควบคุมของพวงมาลัย หรือผู้ขับขี่อาจสังเกตว่ารอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ความเร็วไม่เพิ่มขึ้น โดยอาการนี้จะมาพร้อมกับการกระตุก (เนื่องจากยางสูญเสีย การยึดเกาะชั่วขณะ) ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางรถของคุณเริ่มสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง

          เมื่อตัวรถเกิดการสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลงด้วยการผ่อนคันเร่งโดยไม่ต้องเหยียบเบรก รอให้ความเร็วลดลงและให้ยางยึดเกาะถนนอีกครั้ง ถ้าหากรถเริ่มลื่นไถล ผู้ขับขี่ควรควบคุมพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการให้รถมุ่งไปจนกว่ารถจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ ควรเหยียบคันเร่งด้วยน้ำหนักที่คงที่สม่ำเสมอ การควบคุมรถด้วยความนุ่มนวลจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญ

ขับรถหน้าฝน

         การขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง

          คุณเกษม มูลทรัพย์ ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต บริษัท พระนคร ยนตรการ จำกัด กล่าวเตือนผู้ขับขี่ว่าควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนที่ไม่สามารถมองเห็นหรือเดินผ่านได้ หรือถนนที่มีน้ำท่วมขัง สูงกว่ากึ่งกลางของล้อรถ รถเอสยูวีและรถกระบะขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านถนนที่มีน้ำท่วมสูงกว่ารถยนต์นั่งได้ แต่ควรตรวจสอบว่ารถของคุณสามารถขับขี่ผ่านระดับน้ำได้สูงเท่าใด

          น้ำท่วมขังจะบังสิ่งกีดขวางที่อยู่บนถนนซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น ดังนั้นถ้าคุณต้องขับขี่ ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังขอให้แน่ใจว่าคุณขับอยู่บนถนนและถนนไม่มีความเสียหายใด ๆ ขณะเดียวกัน ควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคยเนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้ ผู้ขับขี่สามารถจอดรถและสังเกตรถคันอื่นว่าสามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

          หากขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้กับกึ่งกลางของถนน เนื่องจากระดับน้ำจะต่ำที่สุด ใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ใช้เกียร์หนึ่งหรือเกียร์ L ขึ้นอยู่กับประเภท ของเกียร์ ควรรักษาความเร็วให้คงที่ ไม่ควรถอนคันเร่งเนื่องจากเครื่องยนต์ที่ลดความเร็วจะทำให้น้ำ ไหลเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อแคตทาไลติก คอนเวอร์เตอร์ นอกจากนี้ควรขับรถ ด้วยความเร็วต่ำมากเพื่อไม่ให้ที่กรองอากาศด้านหน้ารถดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ถ้าน้ำไหลเข้าสู่ ท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์จะส่งผลเสียรุนแรงและมีค่าซ่อมแซมสูง

          ในถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขับรถเข้าสู่ถนนด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กม./ชม. และเพิ่มความเร็ว เป็น 6 กม./ชม. เมื่อต้องขับผ่าน ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นน้ำด้านหน้าและลดระดับน้ำโดยรอบห้องเครื่องยนต์ลง ช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าสู่ที่กรองอากาศและสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วน อิเลกทรอนิกต่าง ๆ ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านี้จะทำให้น้ำไหลผ่านกระจังหน้าเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ได้

          ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควรหรือขับรถผ่านน้ำท่วมขังทีละคันเพื่อป้องกัน การหยุดรถกลางถนนถ้ารถคันหน้าชะลอความเร็ว ควรระมัดระวังว่าไม่มีรถที่ขับมาจากเส้นทางอื่นเนื่องจากคลื่นของน้ำอาจท่วมรถได้ โดยเฉพาะถ้ารถคันอื่นใช้ความเร็วสูงเกินไป

          เมื่อขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ควรย้ำเบรกอย่างนุ่มนวลเป็นระยะ หากผู้ขับขี่มีทักษะสามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ เมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้วให้กลับมาขับขี่ตามปกติ ควรจอดรถเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีขยะ เช่น ถุงพลาสติกหรือเศษสิ่งของอื่น ๆ ติดอยู่ที่กระจังหน้าหรือหม้อน้ำ

          ขอให้ตระหนักว่าน้ำท่วมขังที่สูง 15 ซม. จะถึงระดับใต้ท้องรถยนต์นั่งบางคัน ขณะที่รถยนต์นั่งส่วนใหญ่จะเริ่มลอยตัวในระดับน้ำ 30 ซม. ส่วนระดับน้ำ 60 ซม. จะทำให้รถส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึงเอสยูวีลอยตามน้ำไปได้โดยไม่เกี่ยวกับความเร็วของกระแสน้ำแต่อยู่ที่กำลังและปริมาตร จึงไม่ควรเสี่ยงขับรถผ่านระดับน้ำที่สูงมากดังกล่าว

ขับรถหน้าฝน

          ขับด้วยความปลอดภัย

          คุณต่วนฮายาตรี พรพัฒน์กุล ผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต บริษัท ยะลา ออโต้เซลส์ จำกัด แนะนำ ให้ขับขี่อย่างนุ่มนวลและหลีกเลี่ยงการเบรกหรือหักเลี้ยวพวงมาลัยกะทันหันเพราะอาจทำให้รถ เสียการทรงตัว ควรเบรกก่อนเข้าโค้งและเหยียบคันเร่งออกจากโค้งอย่างนุ่มนวล

          ขับขี่อยู่บนหรือใกล้กับกลางถนนหรือกึ่งกลางของถนน เนื่องจากน้ำจะไหลลงไปท่วมขัง ที่ด้านข้าง ควรระมัดระวังผู้ขับขี่รถคันอื่นที่ใช้ความเร็วมากกว่าและปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นขึ้นมาบนกระจกหน้าซึ่งจะลดทัศนวิสัยลงได้โดยเฉพาะเมื่อขับตามหลังรถขนาดใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ควรขับตามรอยล้อรถคันหน้าเนื่องจากรอยล้อดังกล่าวจะมีระดับน้ำ ต่ำกว่าส่วนอื่น ๆ ของถนน

          ขับขี่ด้วยความระมัดระวังสูงสุดถ้าฝนเริ่มตกลงมาบนถนนที่แห้งโดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกปรอย ๆ เนื่องจากในช่วงที่พื้นถนนแห้งจะมีคราบน้ำมัน (จากท่อไอเสีย น้ำมันรั่วไหล และอื่น ๆ) ตกค้างอยู่ บนพื้นผิว ฝนที่โปรยลงมาจะทำให้คราบน้ำมันดังกล่าวลอยขึ้นเคลือบอยู่บนผิวถนน (น้ำมันเบากว่าน้ำ) ส่งผลให้ถนนมีความลื่นสูงซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก การขับรถบนถนนเช่นนี้บางครั้งจะเหมือนกำลัง เล่นสเก็ตอยู่บนพื้นน้ำแข็ง ซึ่งพื้นผิวถนนจะยังคงความลื่นอยู่ระยะหนึ่งจนกว่าจะถูกชะล้างหรือฝนตกลงมาอย่างหนัก

          ควรเข้ารับการฝึกอบรมการขับขี่อย่างปลอดภัยเพื่อเรียนรู้การควบคุมพวงมาลัยเมื่อเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์และโอเวอร์สเตียร์ การควบคุมตัวรถอย่างถูกต้องในทุกสถานการณ์ไม่เพียงเพิ่ม ความมั่นใจในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับปฏิกิริยาตอบสนอบของผู้ขับขี่เมื่อเกิดเหตุการณ์ ที่ไม่คาดฝันบนท้องถนน

          ไม่ว่าจะขับขี่ภายใต้สภาพอากาศแบบใดก็ตาม ผู้ขับขี่ควรมองถนนตลอดเวลาและใช้สองมือควบคุมพวงมาลัยอยู่เสมอ


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ขับขี่อย่างปลอดภัยช่วงหน้าฝน อัปเดตล่าสุด 5 กันยายน 2557 เวลา 16:41:58 1,359 อ่าน
TOP