ขอขอบคุณภาพประกอบจาก supercars
การประมูลรถยนต์นั้นมักจะเกิดตัวเลขราคาอันเป็นสถิติอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าหากดูดี ๆ แล้ว จะพบว่ามีรถรุ่นหนึ่งที่สร้างสถิติ ราคาสูงอย่างรวดเร็ว แถมยังทำราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนครองตำแหน่งรถยนต์ราคาแพงที่สุดในโลกในขณะนี้ ด้วยตัวเลขถึง 53 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) รถรุ่นดังกล่าวก็คือ เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ (Ferrari 250 GTO) สุดยอดรถสปอร์ตตัวแรงของค่ายม้าลำพอง ซึ่งวันนี้ กระปุกคาร์จะพาทุกท่านมารู้จักกับรถรุ่นนี้กันครับ
เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ เปิดตัวในปี 1962 เป็นรถสปอร์ตที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันในคลาสแกรนด์ ทัวร์ริ่ง ตัวถังออกแบบให้มีสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม โดยเป็นรถรุ่นแรก ๆ ที่ใช้การทดสอบในอุโมงค์ลม ภายในออกแบบสวยงามหรูหรา ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 3,000 ซีซี ให้กำลัง 300 แรงม้า วางด้านหน้า จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด รวมถึงยังจัดเต็มเทคโนโลยีใหม่ในสมัยนั้นอย่างดิสก์เบรกด้วย ทั้งนี้ ตัวรถผลิตในปี 1962-1964 และมียอดการผลิตรวมกันเพียง 39 คันเท่านั้น ส่วนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 18,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 590,000 บาท) เท่านั้น
ในยุคปี 1990 เกิดวิกฤติราคาตลาดรถยนต์ทำให้ราคาของเฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ร่วงตามไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เคยมีการขายด้วยราต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้เห็นเลย จนในเดือนพฤษภาคม ปี 2012 มันได้กลายเป็นรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ด้วยการซื้อขายเป็นมูลค่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,130 บาท) แต่หลังจากนั้นเพียงปีกว่า ๆ ในเดือนตุลาคม ปี 2013 เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ปี 1963 ก็ได้ทุบสถิติของตัวเองอีกครั้ง ด้วยมูลค่าการประมูลที่สูงถึง 53 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,700 ล้านบาท)
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ กลายเป็นรถที่มีราคาสูงที่สุดในโลก เนื่องจากการออกแบบของมันที่เชื่อมโยงกับรถสปอร์ตของเฟอร์รารี่ในยุคต่อมาอย่างชัดเจน แถมด้วยจำนวนการผลิตที่น้อยนิดเพียง 39 คัน มันจึงกลายเป็นรถยนต์หายากที่มีคุณค่ากับคนรักรถมาก อีกทั้งบุคคลสำคัญระดับโลกที่เคยครอบครองมันก็มีทั้ง นิค มาสัน มือกลองของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง Pink Floyd และลี คุนฮี อดีตประธานบริษัท ซัมซุง ด้วย
เรียกได้ว่า เรื่องราวและที่มาของมันถือว่าสมกับมูลค่าสูงลิบจริง ๆ สำหรับเจ้าม้าลำพองแห่งยุคปี 1960 รุ่นนี้ แต่ทั้งนี้ หลายคนก็ยังคาดว่า เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ยังสามารถมีราคาสูงขึ้นได้อีก ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ