อินโดนีเซียส่อแววแซงหน้าไทย ครองที่ 1 ตลาดรถยนต์อาเซียน หลังปัญหาการเมืองไทยยืดเยื้อ สร้างความไม่มั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ ขณะที่อินโดนีเซียมีกำลังซื้อที่ขยายตัวขึ้น
วันที่ 10 เมษายน 2557 สำนักข่าวรอยเตอร์ส มีรายงานว่า อินโดนีเซียกำลังจะแซงหน้าไทย ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน อย่างเร็วที่สุดภายในปีนี้ จากแรงขับเคลื่อนของกำลังซื้อจากชนชั้นกลางที่ขยายตัว รวมถึงอุปสงค์ในด้านยานพาหนะต้นทุนต่ำและรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จากข้อมูลของ ไกคินโด สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์อินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ของอินโดนีเซียในเดือนมีนาคมนี้ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 17.8% นำโดย โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, ไดฮัทสุ มอเตอร์ และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป
สำหรับตัวเลขดังกล่าวนับว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วกว่าเท่าตัว โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ของอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นถึง 8.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2013 ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย พบว่าในเดือนเดียวกันนี้เอง ยอดจำหน่ายรถยนต์ของไทย ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อนถึง 45%
นอกจากนี้ อินโดนีเซียกำลังจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มมองหาหนทางกระจายความเสี่ยงในการดำเนินการธุรกิจมาออกจากประเทศไทย สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาอุทกภัย ที่ส่งผลต่ออุปสงค์ภายในและแนวโน้มทางเศรษฐกิจก็ดูจะเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ปริโยโน ซูเกียร์โต ซีอีโอของพีมี แอสตรา อินเตอร์เนชันแนล บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า พันธมิตรของเราจับตาไปที่ 2 ประเทศใหญ่อย่างอินโดนีเซียและไทย บางทีอาจเป็นเพราะจำนวนประชากรของทั้งสองประเทศ ขณะนี้อินโดนีเซียกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น และถูกมองในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ มากกว่าครึ่งของเศรษฐกิจอินโดนีเซียมาจากการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งธนาคารกลางของอินโดนีเซียก็ได้คาดว่าจีดีพีปีนี้น่าจะขยายตัวระหว่าง 5.5%-5.9% อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคของอินโดนีเซีย อาจจะได้รับอุปสรรคจากระบบสาธารณูปโภคและระบบจ่ายพลังงานที่ขาดความเสถียรและไม่เพียงพอที่ค้างคามานานหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากขาดการลงทุนและระบบราชการที่ล่าช้า
อย่างไรก็ดีเมื่อเดือนที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานของอินโดนีเซียได้ออกมาประกาศว่ามีแผนขยายความสามารถในการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 60 กิกะวัตต์ ใช้งบประมาณการลงทุนราว 125,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการซึ่งคาดหมายว่าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกราวเท่าตัวในปี 2022
ขณะที่ ฟรอสต์แอนด์ซุลลิแวน บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านการตลาด เปิดเผยว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้นเป็นที่คาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2557 น่าจะเหลือแค่ 1.175 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อน 11.7% สืบเนื่องจากปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมืองและความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง สวนทางกับอินโดนีเซีย ที่น่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.5% เป็น 1.31 ล้านคัน
ด้าน นายกุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ของไทยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้น่าจะชะลอตัวลง สอดคล้องกับความกังวลที่มากขึ้นต่อปัญหาความไม่สงบทางการเมือง โดยเฉพาะศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกัน ยอดจำหน่ายรถยนต์ของอินโดนีเซียกลับดูแข็งแกร่งมาก และเราคาดหมายว่าจะส่งผลกระทบทางบวกต่อยอดจำหน่ายรายปีทั้งในประเทศและทั่วภูมิภาค
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โตโยต้า ได้เผยว่ากำลังพิจารณาทบทวนแผนการลงทุน 20,000 ล้านบาทในไทย หรือแม้แต่ลดกำลังผลิตหากปัญหาความไม่สงบยังลากยาวต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ผลิตบางส่วนที่ยังมองเห็นความเป็นไปได้ในการเติบโตระยะยาวของไทยอยู่เช่นกัน
รถใหม่ รถมือสอง มอเตอร์ไซค์ ฤกษ์ออกรถ วิธีการดูแลรักษารถยนต์ มากมาย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่