ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog
หนึ่งในปัจจัยการเลือกซื้อเลือกใช้รถยนต์ของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งนอกจากราคาและสมรรถนะของรถแล้ว ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ยิ่งในยุคนี้ที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ จะไม่ใส่ใจเสียเลยก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
และล่าสุด ก็มีผลวิจัยที่น่าสนใจจากสถาบันวิจัยการขนส่ง มหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐฯ มานำเสนอ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์รุ่นที่จำหน่ายในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มประหยัดขึ้นจากเดิมมากขึ้นกว่าเดิม
โดยทีมวิจัยได้นำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ซึ่งผ่านการทดสอบจาก EPA มาคำนวณร่วมกับจำนวนรถยนต์แต่ละรุ่นที่ขายได้ในแต่ละเดือนเพื่อหาว่า รถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ในแต่ละเดือนมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยรวมกันประมาณเท่าไร โดยได้เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ตุลาคมปี 2008 จนถึงเดือนสิงหาคมปี 2013
ซึ่งผู้วิจัยได้นำเสนอข้อมูลที่เก็บได้ตั้งแต่ปี 2008 นั้น มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 กม./ลิตร ต่อมาในปี 2009 เพิ่มขึ้นเป็น 9 กม./ลิตร ในปี 2010 เพิ่มขึ้นเป็น 9.3 กม./ลิตร ในปี 2011 อยู่ที่ 9.5 กม./ลิตร ต่อมาในปี 2012 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 9.9 กม./ลิตร และในปี 2013 นั้นก็ได้ทำสถิติสูงสุดที่ 10.5 กม./ลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกราฟ (ในกราฟใช้หน่วยอัตราสิ้นเปลืองเป็นไมล์ต่อแกลลอน)
แต่อย่างไรก็ตาม นิสัยการขับขี่ของเราก็มีผลต่อการประหยัดน้ำมันไม่แพ้กับสมรรถนะของรถยนต์เช่นกัน หากเราขับรถได้ดี ก็จะสามารถลดการใช้น้ำมันลงไปได้มากทีเดียว ซึ่งเราได้รวบรวมไว้ที่นี่แล้วครับ