เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก mercedes-benz.co.th
เมอร์เซเดส เบนซ์ ชื่อนี้การันตรีได้ถึงความหรูหรา เหนือระดับเป็นรถระดับพรีเมียมที่นิยมในบ้านเราเป็นอย่างมาก ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 34 นี้ ทาง เมอร์เซเดส เบนซ์ ก็ฤกษ์ถือโอกาสเปิดตัวโฉมใหม่ The new E-Class ให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของก่อนใครในอาเซียน โดย The new E-Class จะเปิดตัวในงานนี้ 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ E 200 Executive, E 300 BlueTEC HYBRID Executive และ E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic
The new E-Class ยนตรกรรมหรูที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าที่ปรับเปลี่ยนมากที่สุดคือ การนำไฟแบบ LED มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ไฟหน้าเป็นแบบ LED High Performance ไฟท้ายแบบ LED fibre-optic โคมไฟคู่หน้าได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยรวมชุดไฟ LED ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวอาทิ ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเลี้ยว และไฟ daytime ทำให้เกิดลายเส้นกราฟฟิคสวยงามสะดุดตามากขึ้นซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกันที่โคมไฟแบบ LED ได้รับการออกแบบให้อยู่รวมในกรอบเดียวกัน
สำหรับชุดแต่ง AMG Sports package ทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์แบบสปอร์ตไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอย AMG ขนาด 18 นิ้ว ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์บนคาลิเปอร์เบรก ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต แป้นเบรกและคันเร่งแบบสปอร์ต และพรมพร้อมสัญลักษณ์ AMG ดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้นตั้งแต่ภายนอกด้วย AMG bodystyling ที่มาพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์บนกระจังหน้า และปลายท่อไอเสียแบบสีเหลี่ยม 2 ท่อ ฝังในกันชน ตลอดจนการตกแต่งภายในที่คงไว้ซึ่งความหรูหราแต่ดูดุดัน อย่างพวงมาลัย AMG แบบ 3 ก้านท้ายตัด
ส่วนของเครื่องยนต์ The new E-Class มีให้เลือก 2 แบบได้แก่
รุ่น E 200 Executive ใช้ เครื่องยนต์เบนซินใหม่ แถวเรียง 4 สูบ ที่ทรงพลังเต็มไปด้วยสมรรถนะและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยมีหัวฉีดชนิด piezo ซึ่งฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ด้วยแรงดันเชื้อเพลิงสูงสุดอยู่ที่ 200 บาร์ และเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยได้นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 135-142 กรัม/กม.
รุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executive และ E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด ซึ่งเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID เป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงให้พละกำลังเช่นเดิมมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 23 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 107-110 กรัม/กม. ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ DIRECT SELECT พร้อมเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยใหม่ Intelligent Drive เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่งทั้งคู่หน้าและคู่หลังแบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บกรณีที่ถูกชนจากด้านหลัง ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะและการคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะ ถุงลมนิรภัยบริเวณสะโพก 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งช่วยเสริมการปกป้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบช่วยเตือนการขับรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
สำหรับราคาเปิดตัว The new E-Class ทั้ง 3 รุ่นได้แก่ E 200 Executive 3,490,000 บาท, E 300 BlueTEC HYBRID Executive 3,990,000 บาท และ E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic 4,490,000 บาท