Maserati Quattroporte (GRAND PRIX )
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก caranddriver
ในที่สุดทางต้นสังกัดก็เปิดเผยรายละเอียดของ Maserati Quattroporte เวอร์ชั่น\'ปี 2013 ในส่วนของขุมพลังใหม่ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Maserati และ Ferrari กันซะที
โดยขุมพลังที่จะติดตั้งลงใน Maserati Quattroporte เวอร์ชั่นปี 2013 จะมากับเครื่องยนต์ความจุ 3.8 ลิตร แบบ V8 ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะทำให้ Maserati Quattroporte เป็นยนตรกรรม 4 ประตู ที่เร็วที่สุดอย่างที่ Maserati ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วย ความทรงพลังและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย จากเครื่องยนต์ Twin Turbo Charged รุ่นใหม่ ที่ออกแบบโดย Maserati Powertrain และ Ferrari
โดยมีเครื่องยนต์ไฮไลต์เป็นพิกัด 3.8 ลิตร V8 Twin Turbo Charged ที่อัพเกรดเต็มขั้น สามารถลดค่าไอเสียลงได้ถึง 20% ทั้งยังน้ำหนักลดลงจากเครื่องยนต์ 4.7 ลิตร V8 ใน Quattroporte Sport GT ด้วยการหันมาใช้ระบบอัดอากาศแบบ Twin Turbo และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงโดยตรงแบบ Direct Fuel Injection ที่ทำให้แรงม้าดีขึ้นอีก 18% และมีแรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 39% ผลลัพธ์ก็คือ พละกำลังที่อัพเกรดขึ้นไปเป็น 530 แรงม้า ที่ 6,800 รอบต่อนาที และแรงบิด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ซึ่งในฟังก์ชั่น Overboost จะสามารถเพิ่มแรงบิดขึ้นเป็น 710 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250-3,500 รอบต่อนาที
สำหรับรุ่น V6 Twin Turbo Charged นั้น องค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง จะคล้ายกับรุ่นท็อป แต่พละกำลังจะถูกทอนลงมาเหลือ 410 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-5,000 รอบต่อนาที ซึ่งในโหมดการขับขี่แบบปกติจะมีแรงบิดถึง 500 นิวตัน-เมตร มาให้ใช้ในทันทีที่รอบต่ำ เพื่อช่วยให้ขับเคลื่อนได้สะดวกขึ้น
มีระบบขับเคลื่อนทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก นอกจากจะมีสมรรถนะที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีอัตราการ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยค่าไอเสียที่ต่ำลงอีก 20% ด้วยเช่นกัน น้ำหนักโดยรวมของตัวรถในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะอยู่ที่ 1,860 กก. แต่จะบวกเพิ่มขึ้นอีก 70 กก. พร้อมการบาลานซ์น้ำหนักหน้า-หลัง แบบ 50:50 สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพมากที่สุดขณะขับเคลื่อน
ระบบช่วงล่างกำลังเป็นแบบ 8 สปีด รหัส ZF AT8-HP70 พร้อมด้วยเทคโนโลยี NVH ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน เสียงและแรงกระทำได้มากขึ้น ซึ่งเกียร์ลูกใหม่นี้มีน้ำหนักที่เบากว่าเกียร์ 6 สปีดลูกเดิมถึง 4 กก. ทั้งยังมีโหมดการขับขี่ที่สามารถตอบสนองได้หลากหลาย เช่น Auto Normal, Auto Sport, Manual Normal, Manual Sport and the I.C.E. mode (Increased Control Efficiency) ซึ่งเป็นโหมดที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดเชื้อเพลิง เน้นการขับขี่แบบสบาย ๆ มากกว่า
ระบบช่วงล่างใช้พื้นฐานดับเบิลวิชโบนด้านหน้า และด้านหลัง แบบมัลติลิงค์ ที่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก และเพิ่มความแข็งแกร่ง เน้นการสื่อสมรรถนะการขับขี่ที่เฉียบคมในสไตล์สปอร์ตออกมาได้อย่างเด่นชัดที่สุด ส่วนล้อที่ใช้ติดตั้งขนาด 20 นิ้ว มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นขนาด 19 นิ้ว และ 21 นิ้วได้ตามชอบ โดยขนาด 19 นิ้วจะมากับยาง 245/45 ด้านหน้า และขนาด 275/40 ด้านหลัง ขนาด 20 นิ้ว จับคู่กับยาง 245/40 ด้านหน้า และขนาด 285/35 ด้านหลัง สุดท้ายคือขนาด 21 นิ้วนั้น มากับยาง 245/35 ด้านหน้า และขนาด 285/30 ในด้านหลัง
ระบบหยุดยั้งเลือกใช้บริการจาก Brembo เป็นมาตรฐาน โดยในรุ่น V8 จะมากับจานดิสก์เบรกขนาด 370 X 34 มม. จับคู่กับคาลิเปอร์ 6 Pot ส่วนด้านหลังขนาด 350 X 28 มม. จับคู่คาลิเปอร์ 4 Pot ventilated and cross-dritled brake discs, with four-piston fixed alloy Brembo calipers. สาหรับรุ่น V6 จะเป็นจานดิสก์เบรกขนาด 360 X 32 มม. จับคู่คาลิเปอร์ 6 Pot ส่วนด้านหลังใช้เหมือนกันกับรุ่น V8