Prodrive Hunter ราคา 54.7 ล้านบาท ไฮเปอร์คาร์สายลุยรุ่นแรกของโลก

Prodrive Hunter ไฮเปอร์คาร์สายลุยรุ่นแรกของโลก โคลนนิ่งจากสนามแข่ง Dakar Rally กำลัง 600 แรงม้า ผลิตเพียง 25 คัน กับราคาเริ่มต้น 1.25 ล้านปอน์ด หรือราว 54.7 ล้านบาท

Prodrive ผู้ผลิตรถแข่งชื่อดังระดับตำนานทั้งทางเรียบและทางฝุ่นของอังกฤษ เผยโฉม Prodrive Hunter ไฮเปอร์คาร์สายลุยรุ่นแรกของโลกที่สามารถขับบนถนนได้อย่างถูกกฏหมาย ซึ่งโคลนนิ่งมาจาก Bahrain Raid Xtreme (BRX Hunter T1+) รถแข่งรายการแรลลี่ดาการ์ ขับโดย Sebastien Loeb แชมป์โลก 9 สมัย แต่พละกำลังจัดจ้านกว่าตัวแข่งเสียอีก ส่วนราคารถยนต์ที่ดูว่าโหดนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะขายหมดเกลี้ยงไปก่อนแล้ว

สำหรับดีไซน์ภายนอกของ Prodrive Hunter ในเวอร์ชั่น Road car จริง ๆ แล้วก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถอดแบบมาจาก Bahrain Raid Xtreme (BRX Hunter T1+) ตัวแข่งเกือบทั้งหมด แม้แต่โครงสร้างยังคงเป็นแบบ Space Frame เปลือกตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์

เรียกว่าดิบเดิมตั้งแต่หัวจรดท้าย Race Car เป็นอย่างไร Road Car ก็เป็นอย่างนั้น (ยกเว้น Wing ท้ายรถเป็นออปชั่น ถ้าอยากได้ต้องสั่งติดตั้งเพิ่ม) ซึ่งตัวรถออกแบบโดย Ian Callum ผู้ฝากผลงานเอาไว้ทั้งในรถหรู รถแรง ระดับ Iconic มาแล้วมากมาย

ยกตัวอย่าง เช่น Ford RS200, Ford Escort Cosworth, Aston Martin DB7 และ DB9 ตลอดจน Nissan R390 Road Car รวมถึงรถ Jaguar อีกหลายรุ่นไล่เลียงตั้งแต่ยุคมิลเลนเนียมขึ้นมา ดังนั้น ไม่แปลกหากมองท้ายรถของ Prodrive Hunter แล้วจะชวนให้นึกถึง Jagaur F-Type หรือรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์นี้ไปด้วย

ถึงจะเป็น Road Car ราคาแพงจัด แต่ Prodrive ก็ไม่ได้ประนีประนอมกับการออกแบบภายในที่ยังคงความดิบไว้ใกล้เคียง BRX Hunter T1+ ตัวแข่งในโครงสร้างหลัก แต่มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยจุดที่ปรับเปลี่ยนมากหน่อยจะเป็นส่วนของแผงคอนโซลกลาง มีจอแสดงข้อมูลจำเป็นต่อการขับขี่ ปุ่มอุปกรณ์เป็นสวิตช์โยกเปิด-ปิด ออกแนว Old School ส่วนโครงเบาะ Bucket Seat เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (ที่นักแต่งรถบ้านเราเรียกเบาะหลังแข็ง คือปรับเอนไม่ได้) ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยยึด 6 จุด พร้อมระบบดับเพลิง ซึ่งภาพรวมไม่หลุดคอนเซ็ปต์รถแข่งที่วิ่งบนถนนได้ ไม่เน้นความหรูหราสะดวกสบายนัก

เนื่องจาก Prodrive Hunter คือเวอร์ชั่น Road car ที่ไม่มีข้อกำหนดสำหรับการลงแข่งขัน (Homologation) แบบ BRX T1+ เครื่องยนต์เบนซิน แบบ วี 6 สูบ ขนาด 3.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ วางกลางลำ-ด้านหน้า จึงมีพลังมากกว่าถึง 600 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ควบคุมผ่าน Paddle Shift ขณะที่อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาน้อยกว่า 4 วินาที ส่วนความเร็วปลายว่ากันแถว ๆ 300 กม./ชม.

นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนของ Prodrive Hunter ยังเหมือน BRX Hunter T1+ ตัวแข่ง Dakar Rally ซึ่งเป็นแบบปีกนกสองชั้น ติดตั้งแดมเปอร์ปรับระดับได้ 2 ตัว ต่อล้อ แต่เพิ่มระยะยุบ-ยืด (Travel) มากกว่าตัวแข่ง และติดตั้งดิสก์เบรกแบบเจาะรูระบายอากาศ คาลิเบรกแบบ 6 พอต ทั้ง 4 ล้อ

ทั้งนี้ เป้าหมายของ Prodrive คือ Big boy toy สำหรับเศรษฐีแถบตะวันออกกลาง ดินแดนที่มี Play Ground เป็นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งเหมาะกับไฮเปอร์คาร์ที่ลุยอย่าง Prodrive Hunter ซึ่งตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 1.25 ล้านปอนด์ ในแบบที่ยังไม่รวมภาษี คิดเป็นเงินไทยก็ตกอยู่ราว 54.7 ล้านบาท

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Prodrive Hunter ถึงขายง่ายขายดายขนาดนี้ เพราะจริง ๆ ราคา 1.25 ล้านปอนด์ ถือว่าสมเหตุผลกับไฮเปอร์คาร์ดีกรีระดับรถแข่งแรลลี่ และจะยิ่งดูไม่แพงเลยหากเทียบกับราคาเกือบ 70 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี) ของ Karlman King รถหุ้มเกราะขนาดใหญ่มากับตัวถังกันกระสุน ที่ผลิตน้อยแต่หรูมาก และมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกันคือเศรษฐีตะวันออกกลาง หรือถ้าทั้งคู่ราคายังแรงไป ก็ยังมี Rezvani Tank 1 รถออฟโรดหุ้มเกราะ 1,000 แรงม้า สมรรถนะดุเดือด ที่ราคาย่อมเยาว์กว่า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า Prodrive Hunter ราคาจะแพงแค่ไหน ตอนนี้ได้ถูกจับจองจนหมดโควต้าไปแล้ว และหากใครสงสัยว่าขายดีขนาดนี้ทำไมไม่ทำขายเพิ่มล่ะ เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะ Prodrive ไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับ Mass ลำพังแค่ 25 คัน ก็ทำให้ทีมงานของ Prodrive ยุ่งไปจนถึงปลายปีแล้วนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : prodrive.com