เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง Mercedes-AMG GT R 2018 ใหม่ หรือเจ้าของฉายา "Green Hell" เสริมพอร์ตโฟลิโอกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมแบรนด์ Mercedes-AMG โดย Mercedes-AMG GT R ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นแรงสุด โหดสุด สำหรับ Mercedes-AMG GT ที่เป็นรถถนน (Road Car) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในสนามแข่งสุดโหดนูร์เบอร์กริงเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจด้วยราคาเริ่มต้น 17.4 ล้านบาท
Mercedes-AMG GT R 2018 เป็นสมาชิกใหม่ของรถสปอร์ตตระกูล AMG GT ที่สะท้อนความแรงจากเรซคาร์อย่าง Mercedes-AMG GT3 โดยดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-AMG GT R 2018 ใหม่ มาพร้อมปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ดิบแบบเพียวสปอร์ตคาร์ ส่วนหน้าของตัวรถยื่นยาวและลาดต่ำ พร้อมกระจังหน้าซี่ตั้งสุดคลาสสิก Panamericana Grille (แพนอเมริกาน่า กริล) ตามแบบ Mercedes-Benz W194 หรือ 300 SL เวอร์ชั่นรถแข่งเลอ มังส์ ยุค 50 ส่วนโครงสร้างเป็นอะลูมิเนียมสเปซเฟรมน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนแรงบิดตัวได้สูง
แต่ความพิเศษของ Mercedes-AMG GT R 2018 ในแง่ของดีไซน์ที่แตกต่างจาก Mercedes-AMG GT รุ่นอื่นนั้นไม่ใช่แค่ความดุดันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของแอโร่ไดนามิกส์ที่เหนือกว่า เช่น ใต้กันชนหน้าจะมีลิ้นแบบแอคทีฟ โดยจะกางเปิดออกที่ความเร็ว 80 กม./ชม. เพื่อสร้าง Venturi Effect เพิ่มแรงกดลงบนเพลาหน้าที่ความเร็วสูงสุดได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ Mercedes-AMG GT ว่องไวและให้ความสมดุลในทุกสภาวะการขับขี่ที่เปลี่ยนไป รวมถึงสปอยเลอร์ท้าย (Wing) แบบตายตัวและดิฟฟิวเซอร์ท้ายจะทำหน้าที่สร้างแรงกดที่เพลาท้ายเพิ่มการยึดเกาะให้ตัวรถแนบติดพื้นที่ความเร็วสูงได้มากกว่าสปอยเลอร์แบบ Adaptive ของ Mercedes-AMG GT รุ่นปกติด้วย
นอกจากนี้ล้ออัลลอย AMG Performance น้ำหนักเบา ยังช่วยลดภาระของระบบรองรับและกันสะเทือน ทำให้การบังคับควบคุมเป็นไปอย่างราบรื่น แม่นยำ ในส่วนของหลังคารถใช้วัสดุคาร์บอนเพื่อลดน้ำหนักส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วง (CG) ต่ำ (และนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม Mercedes-AMG GT จึงละทิ้งประตู Gullwing อันเป็นเอกลักษณ์ของต้นตระกูลไปอย่างน่าเสียดาย) พร้อมระบบเบรก AMG high-performance composite brake ซึ่งใช้คาลิเปอร์เบรกสีเหลืองโดยเป็นสีพิเศษเฉพาะ Mercedes-AMG GT
ส่วนดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-AMG GT R 2018 โดยรวมจะคล้ายกับ Mercedes-Benz AMG GT แต่เบาะนั่งแบบ AMG Sports Bucket ถูกปรับให้ต่ำลงแบบเกือบจะเรียกได้ว่าเป็น Flat Floor นั้น (ซึ่ง Flat Floor ในที่นี้หมายถึงตัวเบาะแทบจะวางบนพื้นรถหรือปรับให้ต่ำลงมากที่สุดเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ) หุ้มด้วยหนัง Nappa และวัสดุสังเคราะห์ DINAMICA ที่ช่วยปกป้อง โอบรับลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
แผงหน้าปัดออกแบบให้ดูกว้าง ทรงพลัง คล้ายปีกนกที่สยายออก มีบรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในค็อกพิทของเครื่องบิน บริเวณคอนโซลกลางออกแบบให้เป็นหลุมแบบช่องดักอากาศแบบ NACA (NACA คือช่องลมสำหรับดักอากาศที่มีลักษณะเป็นรูปกรวยเจาะลงไปซึ่งดูดอากาศดีกว่าช่องดักอากาศแบบโดม โดยช่องดักอากาศ NACA เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กับอากาศยานและถูกนำมาประยุกต์ใช้กับรถยนต์ภายหลัง)
แต่จุดที่ดูเหมือนจะน่ากวนใจเล็กน้อยคือตำแหน่งคันเกียร์ต้องถอยร่นไปด้านหลังมากหน่อยเพื่อหลบให้เจ้าปุ่มควบคุม COMAND พร้อมทัชแพดที่อาจต้องใช้บ่อยกว่า เวลาเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จึงต้องถอยมือเยอะกว่าปกติ ทั้งนี้การตกแต่งมาตรฐานของ Mercedes-AMG GT R 2018 จะเป็นแพ็กเกจ AMG Interior Night โดยทั้งพวงมาลัย และเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด แต่สามารถเลือกติดตั้ง (ออปชั่น) เบาะที่นั่งแบบ AMG Performance Seat และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศความเร้าใจขณะขับขี่ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง ชุดแผงหน้าปัดสีเหลือง หรือชุดแต่งห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer เป็นต้น
ส่วนโหมด Sport+ เหมาะกับการขับบนสนามแข่งที่ราบเรียบมากกว่า ซึ่งระบบกันสะเทือนแบบ Adaptive ของ Mercedes-AMG GT R 2018 จะช่วยลดอาการโคลงของตัวรถ (Roll) การถ่ายน้ำหนักหน้า-หลัง (Pitch) เพื่อให้การควบคุมเป็นไปอย่างราบรื่นว่องไวสูงสุดและหน้ายางสัมผัสพื้นได้เต็มที่ นอกจากนี้ Mercedes-AMG GT 2018 ใหม่ จะมาพร้อมกับระบบควบคุมการยึดเกาะ (AMG TRACTION CONTROL) ที่เลือกปรับการทำงานได้ 9 ระดับ ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนนและรูปแบบการขับขี่ รวมไปถึงระบบท่อไอเสีย AMG Performance ที่ใช้ท่อเก็บเสียงผลิตจากไทเทเนียมและเหล็กกล้าไร้สนิมให้เสียงคล้ายคลึงกับเสียงท่อรถแข่ง
ทั้งนี้ขุมพลังของ Mercedes-AMG GT R 2018 ใหม่ จะยังใช้เครื่องยนต์แบบ V8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ หัวฉีดตรง บล็อกเดียวกับรุ่น GT และ GT S เดิมแต่แรงขึ้นมาก วางกลางลำด้านหน้า โดยมีกำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที ด้วยการปรับแต่งเทอร์โบรวมถึงส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ใหม่หลายจุด จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่แบบ 7 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (พร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อ) สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดสำหรับ Mercedes-AMG GT R 2018 นั้นทำได้ที่ 318 กม./ชม.
สำหรับคู่แข่งสำคัญของ Mercedes-AMG GT R 2018 ใหม่ คงหนีไม่พ้น Porsche 911 GT3 ก็ต้องวัดใจว่าอยากจะได้ประสบการณ์การขับขี่ที่สุดยอดจากรถสปอร์ตวางกลางหน้าขับหลังหรือเครื่องยนต์วางหลังขับหลัง แต่ถ้าเป็นสาวกดวงดาวแล้วคำตอบย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
