ลากทำตลาดขนาดนี้ ต้องเล่นใหญ่ จัดหนักกันหน่อย ประเดิมด้วยการปล่อย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ (Toyota Yaris Ativ) มาในตัวถังซีดาน อัดความปลอดภัยแน่น เช่น ถุงลมนิรภัย 7 จุด, ABS, EBD, BA, HAC, TRC และ VSC ครบทุกรุ่นย่อย แน่นอนว่า โตโยต้า ยาริส ห้าประตู 2017 (Toyota Yaris Hatchback 2017) ก็ไม่ต่างกัน ที่เราต้องลืมหน้าตาเดิม ๆ ไป เพราะเปลี่ยนพาร์ทภายนอก-ภายในหลายจุดมาก
ซึ่งโตโยต้าได้จัดทดสอบ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ (Toyota Yaris Ativ ) ที่เด่นหลายด้านจริง ๆ แต่เมื่อใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน จะมาทดสอบ โตโยต้า ยาริส ห้าประตู 2017 (Yaris Hatchback 2017) กันอีกทำไม...
ตอบให้ตรงนี้เบื้องต้นเลยว่าต่างกันประมาณหนึ่งเลย เพราะอะไรต่าง ทำไมต่าง มาติดตามกันได้เลย
เรื่องนี้ได้รับเกียรติจาก คุณสุรินทร์ สิงเหาะ (คนขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริการด้านเทคนิคโตโยต้า ประเทศไทยมาอธิบายเรื่องนี้ อะไรที่ลงตัวแล้วสำหรับ Yaris Ativ ก็คงไว้เช่นเดิม อาทิ
- เสริมความเงียบของห้องโดยสาร ที่เพิ่มฉนวนลงไปในหลายส่วน
- การคอนโทรลรถที่ง่าย เสริมจุดยึดด้านโครงสร้าง ลดการบิดตัวของห้องโดยสาร
- รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ได้เต็ม 100% ด้วยวิธีตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์
- เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร พร้อมเกียร์ CVT กับสมองกลที่เน้นกำลัง
สิ่งที่ปรับจูน เหตุจากน้ำหนัก ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบแฮตช์แบ็ก และชุดเบาะที่สามารถพับได้ 60:40 ก็มีน้ำหนักมากกว่า เช่น
- ช่วงล่างด้านหน้า มีการปรับค่าดูดซับแรงที่แกนโช้คใหม่ที่ความเร็วปานกลาง เพื่อให้เข้ากับคาแรคเตอร์รถ สามารถเข้าโค้งได้แม่นยำและขับสนุกขึ้น
- ช่างล่างด้านหลัง มีการปรับค่าดูดซับแรงที่แกนโช้คให้สอบรับการสปริงโช้คใหม่ ที่มีค่า K มากขึ้นรับกับตัวถังแฮตช์แบ็ก
- ปรับค่าฟิตติ้งของจุดยึดชุดแพหลังกับเหล็กกันโคลง เพื่อให้รถนิ่งขึ้นเวลาเลี้ยว
- ปรับค่าความหนืดรวม Total Pre-load ของชุดแร็คพวงมาลัย
ความโดดเด่นด้านอเนกประสงค์ ที่คุณจะรัก Yaris Hatchback 2017
ดีไซน์ด้านนอกโดยรวม ไม่ต่างจาก Yaris Ativ มากนัก อุปกรณ์ที่ให้ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อม LED Light Guiding กระจังหน้ากับช่องดักอากาศที่กันชนสีดำแบบกลอส รับกันดี
ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ซ่อนเหนือช่องดักอากาศด้านหน้า ดูเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ให้ไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจน มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
ด้านข้างมือจับเป็นโครเมียม ให้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ระบบเบรก ดิสก์หน้า-ดรัมหลัง บริเวณเสาซี ตกแต่งสีดำกลอส ดูเชื่อมต่อกับกระจกที่ฝากระโปรงหลัง ลื่นไหลและตัวรถดูกว้างขึ้น
ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding มีการตกแต่งสีดำกลอสที่สันฝากระโปรงท้าย ต่อเนื่องจากเสาซี ให้สปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม เสาอากาศแบบครีบฉลาม
ภายในก็เช่นกัน ไม่แตกต่างจาก Yaris Ativ ทั้งชุดคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง ดีไซน์เบาะ ช่องแอร์ ดีไซน์พวงมาลัย เรือนไมล์ แต่หนึ่งสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกลดทอนไปคือจออินโฟเทนเมนต์ เหลือแต่ปุ่ม ๆ รองรับ CD/MP3/WMA พร้อมช่องต่อ USB/AUX แต่ก็สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ เล่นสตรีมเพลงจากมือถือ
แต่จุดที่ต้องตำหนิเรื่องแรกคือ ชุดเครื่องเสียงตกแต่งขอบมาด้วยโครเมียมปรากฎว่า เวลาแสงจัด มีการสะท้อน วิ้ง ๆ วับ ๆ กวนผู้ขับตลอดเวลา (ดูได้จากรูปด้านล่าง) เรื่องที่สองคือ ฟังก์ชั่นการใช้งานยาก...การแยกเมนูไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าอยู่เมนูไหน สีฟอนต์เป็นสีฟ้าเหมือนกันทั้งหมด อักษรยาวเกินตกบรรทัดไม่เห็นเส้นแบ่งเมนูอีก แถมมีความซับซ้อนการเข้าเมนูมาก ๆ
จุดเด่นคงเป็นเรื่องความอเนกประสงค์ ตัวถังที่กว้างกว่า เฮดรูมด้านหลังเหลือเยอะ พื้นห้องโดยสารก็เรียบเข้า-ออกง่าย นั่งสบาย เบาะหลังพับได้ 60:40 ใช้โทนสีดำทั้งห้องโดยสาร ล้ออะไหล่ไม่มีแต่ให้ชุดปะยางฉุกเฉินมาแทน
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมระบบ Shift Lock ทุกรุ่นย่อย รองรับน้ำมันทางเลือก E20 ให้อัตราสิ้นเปลือง 20 กม./ลิตร
ก็ไม่ได้เซตอะไรต่างจากเดิม วิ่งไปเรื่อย ๆ 110-120 กม./ชม. ก็ใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,700 รอบต่อนาที ยังมีรอบให้ลากเร่งแซงได้ แต่ก็ต้องดูจังหวะหน่อย เพราะเร่งขึ้นช้าแล้ว
หากลงเขาก็ปรับเกียร์มาระดับ B รอบเครื่องยนต์ขึ้นสูง ไม่เหยียบคันเร่งเลยจะได้ความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. ควบคุมการลงเขาได้ไม่ยาก ความดีงามเรื่องห้องโดยสารเงียบ ดีจริง ๆ คอนเฟิร์มเหมือนเดิมครับ
แต่เครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ถือว่าผ่านการพิสูจน์ว่าพอเพียงในการเดินทางออกต่างจังหวัด ทั้งใน Yaris โฉมที่แล้ว และ Yaris Ativ
ช่วงล่างเฟิร์มชัดแน่นหนึบดี แต่พวงมาลัยไร้ชีวิตชีวาแถมแอบหนัก
ส่วนตัว ผู้เขียนชอบรถที่เฟิร์ม ๆ อยู่แล้ว ช่วงล่าง Yaris Hatchback 2017 ถูกใจมาก คือไม่ย้วย การเข้าโค้งลึกก็ไม่ยุบตัวเยอะ ใช้ความเร็วแล้วมั่นใจ อารมณ์การขับดูสปอร์ตขึ้นจริง ๆ แต่ใช่ว่าสปอร์ตแล้วจะไม่ซับแรงสั่นสะเทือนเลย ช่วงถนนตัดผ่านทางรถไฟก็ไม่ได้ตึงตัง รู้สึกว่าดีตั้งแต่ใน Yaris Ativ อยู่แล้ว แต่ชอบแบบที่เข็งขึ้นอีกนิดใน Yaris Hatchback 2017 มากกว่า
ฟีลลิ่งพวงมาลัยหากเทียบกับ Yaris Ativ รู้สึกแย่ลง ด้วยความหนักและทื่อจากความหนืดของพวงมาลัย เวลาเลี้ยวเสร็จพวงมาลัยคืนไม่สุด ต้องดึงกลับมาตั้งตรงเองบ้าง นี่คือจุดที่รู้สีกทื่อ ๆ ความหนักของพวงมาลัยก็มีส่วนด้วย ในเส้นทางกาญจนบุรีทางขึ้นไปริมเขื่อนศรีนครินทร์มีโค้งที่เยอะและลึก ทำให้รู้สึกแอบเหนื่อยกับการหมุนพวงมาลัย
แต่อย่างว่า เรื่องฟีลลิ่งการขับเป็นเรื่องของรสนิยม จุดนี้จึงอยากฝากผู้ที่กำลังเลือกซื้อรถ ไปทดสอบด้วยตัวเองอีกครั้งดีที่สุดครับ
สรุปส่วนตัวจากผู้เขียน
Toyota Yaris Hatchback 2017 ให้ความอเนกประสงค์ได้มาก ๆ ตอนนี้หากมองเทียบในอีโคคาร์ แฮตช์แบ็กด้วยกันทั้งหมด เด่นกว่าด้วยออปชั่นความปลอดภัยจัดเต็ม อาทิ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง , ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA, ระบบช่วยออกคัวทางลาดชัน HAC
ถ้าเทียบ Yaris Hatchback กับ Yaris Ativ ราคาต่างกันเพียงแค่ 1 หมื่นบาท ทุกรุ่นย่อย (J Eco, J, E, G) จากราคาก็บอกเลยว่าคุ้ม ! แม้ฟีลลิ่งการขับแตกต่างกันบ้าง ที่โตโยต้าจงใจทำในจุดนี้ ผู้เขียนยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมโตโยต้า ถึงไม่เลือกทำรุ่นย่อย S เกรด ที่ให้จออินโฟเทนเมนต์มาให้เลือกบ้าง
ข้อมูลการทดสอบ Yaris Hatchback 2017 จากทางโตโยต้า
เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 15.7 วินาที (Ativ 15.3 วินาที)
ระยะเบรก 100-0 กม./ชม. ใช้ระยะ 46 เมตร (Ativ 46 เมตรเช่นกัน)
น้ำหนักรวมรถ รวมน้ำมนเต็มถึง 1,087 กก.
** อย่าลืม ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเบาะหนังได้ เพราะม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ราคาจำหน่าย Toyota Yaris Hatchback 2017
- 1.2 G ราคา 619,000 บาท (รุ่นที่ใช้ทดสอบ)
- 1.2 E ราคา 569,000 บาท
- 1.2 J ราคา 539,000 บาท
- 1.2 J Eco ราคา 489,000 บาท