หากถามว่าอีโคคาร์รุ่นไหนที่มียอดขายแรงดีต่อเนื่องไม่มีตกก็คงต้องยกให้กับ Toyota Yaris ที่เปิดตัวไปเมื่อ พ.ศ. 2556 กว่า 4 ปีที่ทำตลาด มีรถส่งถึงมือลูกค้ากว่า 1.5 แสนคัน แต่หลายคนแปลกใจที่โตโยต้าเลือกทำตลาดแต่ตัวถังแฮตช์แบ็ก ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นโครงการอีโคคาร์เฟส 1 พัฒนารถซีดานและแฮตช์แบ็ก บุกเบิกเปิดยอดขายกันสนุกสนาน
หลังจากที่รอกันมา 4 ปีโตโยต้าก็ได้ปล่อย Toyota Yaris Ativ 2017 ลงสู่ตลาดเรียกเสียงฮือฮาได้ท่วมท้นกับออปชั่นความปลอดภัยที่จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก เรียกแรงศรัทธาจากมิตรรักแฟน "โต" ได้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้มันมีเหตุ ถ้าไม่ปรับครั้งนี้อาจจะรับศึกหนักแน่ ๆ เพราะมองในตลาดรถยนต์กลุ่มราคา 4-6 แสนบาท มีรุ่นที่ออปชั่นแรง ๆ อย่าง Mazda 2 ที่ยอดขายกำลังพุ่งกระฉูด ไม่นับเพลเยอร์ใหม่ MG 3 ถึงแม้จะไม่ได้ลงโครงการอีโคคาร์ แต่ราคาจำหน่ายพร้อมออปชั่นเจาะเข้าตลาดกลุ่มนี้ ชิงเค้กไปหลายแล้ว
หลังจากที่เราเท้าความว่าทำไม Toyota Yaris Ativ 2017 ออปชั่นต้องแน่นมาก...มาเข้าเรื่องที่เราเกริ่นไว้กันดีกว่านี่คืออีโคซีดานยอดฮิตในอนาคตของไทย
กับกิจกรรมล่าสุดที่ทาง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์เทสต์ไดรฟ์ Toyota Yaris Ativ 2017 ใช้งานจริงบนเส้นทาง กรุงเทพฯ-จันทบุรี กับระยะทางประมาณ 235 กม. ไป-กลับเฉียด ๆ 500 กม. นอกจากจะได้สัมผัสอย่างเต็มที่แล้ว คือเรื่องของการเดินทางไกลด้วย Toyota Yaris Ativ 2017 ซึ่งรุ่นย่อยที่ได้ทดสอบจะเป็น S เกรดทั้งหมด
Toyota Yaris ชื่อก็บอกชัดเจนแล้วว่าถูกพัฒนามาจากรุ่นเดิม โตโยต้ายาริส แต่ครั้งนี้คือการปรับเปลี่ยนเยอะ อย่างที่เราเคยนำเสนอไปในช่วงเปิดตัว อย่างรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนพาร์ทในหลายจุด อุปกรณ์ที่ให้ และออปชั่นด้านความปลอดภัยที่ให้ตั้งแต่ในรุ่นพื้นฐาน
แน่นอนว่าถ้ามานั่งพูดสเปคกันอีกรอบ ก็เวิ่นเกินไป ใครที่อยากเช็กรายละเอียดของรถอีกรอบ คลิกที่ลิงก์ได้เลย "Toyota Yaris Ativ 2017 ราคาเริ่ม 469,000 บาท ลงตัวในหลายด้าน ความปลอดภัยแน่น"
ซึ่งเหมือนเป็นธรรมเนียมก่อนขับที่จะมาเรียนรู้ผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง โดยโตโยต้าได้เชิญ คุณกวิน เตชะวิเศษ ผู้จัดการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ และคุณสุรินทร์ สิงเหาะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริการด้านเทคนิคโตโยต้าในประเทศไทย มาให้ข้อมูลที่เป็นเชิงลึกเกี่ยวกับ Toyota Yaris Ativ 2017 ที่เราขอย่อยเรื่องที่น่าสนใจมาบอกต่อดังนี้
เสริมความเงียบของห้องโดยสาร - จากข้อมูลที่ทางโตโยต้าแจ้งคือเพิ่มฉนวนลงไปในหลายส่วน ช่วงคอนโซล 5 จุด, รอบห้องโดยสารทั้งหมด 9 จุด ฉนวนเครื่องยนต์ และสุดท้ายกระจกอะคูสติกในรุ่นย่อย E ขึ้นไป
การคอนโทรลรถที่ง่ายขึ้น - เพราะเสริมจุดยึดด้านโครงสร้าง ลดการบิดตัวของห้องโดยสาร
ความนุ่มนวลของช่วงล่าง - เพิ่มขีดจำกัดการไหลของเหลวในกระบอกโช้ค ด้านสปริงก็มีการปรับจูนค่าความแข็ง (ค่า K) ให้เหมาะกับโช้คอัพ
รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ได้เต็ม 100% ด้วยวิธีตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ !! - โดยปรกติแล้วเครื่องยนต์จะถูกทอนกำลังไปให้ระบบไฟในรถ เปลืองสุดคือเรื่องระบบทำความเย็น โตโยต้ามองเห็นถึงจุดนี้ จึงออกแบบให้รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรให้ได้มากที่สุด เมื่อคิกดาวน์ 3/4 ของคันเร่ง สมองกลจะตัดคอมเพรสเซอร์แอร์ 5 วินาที เพื่อให้ระบบเครื่องยนต์ส่งกำลังได้มากที่สุด..
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร พร้อมเกียร์ CVT เดิม เพิ่มเติมคือสมองกลที่เน้นกำลัง - เป็นเรื่องของสมองกลเครื่องยนต์และสมองกลเกียร์ที่ประสานการทำงานให้ได้ดีสุด ทั้งเรื่องประหยัดและการเรียกกำลัง รวมถึงความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วย
ผลลัพธ์ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เราลองพิสูจน์แล้วจากการขับจริง... เริ่มแรกในสนาม Toyota driving experience park ที่เป็นการลองระบบความปลอดภัยอย่าง ABS และ VSC การควบคุมรถ และระบบช่วงล่างบนพื้นผิวแบบต่าง ๆ
เรื่องแรกการควบคุม ขับสลาลมที่ความเร็ว 60 กม./ชม. เช็กความแม่นยำของพวงมาลัย ฟีลลิ่งการควบคุมและน้ำหนักพวงมาลัย ส่วนตัวให้น้ำหนักกำลังดีแต่หากเทียบรถในกลุ่มอีโคคาร์ถือว่า มีน้ำหนักมาก "เกือบสุด" ในกลุ่ม เทียบให้ชัดก็ใกล้เคียงกับ Toyota Vios จากการทดสอบ รถบังคับเลี้ยวได้ดั่งใจ ไม่มีอาการหน้าดื้อ (understeer) สลับเลี้ยวซ้าย-ขวาราบลื่น ส่วนตัวรู้สึกถึงความสมูทของวงเลี้ยวเอามาก ๆ ชอบครับในจุดนี้
ต่อที่ระบบ ABS-VSC พื้นกระเบื้องเปียกน้ำ ให้กดเบรกสุดที่ความเร็ว 40 กม./ชม. แล้วบังคับเลี้ยว VSC ทำงานพอสามารถบังคับรถได้บ้าง แต่บังคับยาก.. ระบบเบรกที่ ABS ทำงานยังมีไถลไปนิด ๆ ส่วนตัวว่าแปลก ๆ เล็กน้อย ที่ดูควบคุมยาก เหตุจากหลายปัจจัย ด้วยชุดเบรกหลังที่เป็นระบบดรัมเบรก พื้นที่ลื่นมาก และน้ำหนักรถที่น้อย มีผลทั้งหมด
อื่น ๆ ก็เรื่องอัตราเร่งช่วงทางยาว ก็ตามสมรรถนะ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร การเข้าโค้งลึก สุดท้ายที่น่าประทับจริง ๆ คือความนุ่มนวลของช่วงล่าง อย่างการขึ้นคอสะพานและทางขรุขระในพื้นผิวต่าง ๆ ที่ความเร็ว 30 กม./ชม. คือดีมาก นุ่มนวล ไม่ส่งแรงสะเทือนมาที่พวงมาลัย ไม่ต้องออกแรงฝืนไว้เลย ใครมีโอกาสก็สามารถลองไปทดสอบ Toyota Yaris Ativ 2017 ในสนาม Toyota driving experience park ฟรีค่าใช้จ่ายด้วยครับ
ออกเดินทาง กรุงเทพฯ-จันทบุรี ระยะทางรวมกว่า 235 กม.
เกียร์ D ในความเร็ว 120 กม./ชม.
เส้นทางใช้บางนา-ตราด ออกมอเตอร์เวย์ บ้านบึง แกลง และถึงจันทบุรี เริ่มแรกช่วงใช้ความเร็วจะเป็นมอเตอร์เวย์ วิ่งประมาณ 120 กม./ชม. ภายในรถเงียบ เงียบดีจริง ๆ ผู้ทดสอบใช้ระดับ "ความตั้งใจฟัง" เสียงลมไม่มีเล็ดลอดมาแม้แต่น้อย เสียงเครื่องหากความเร็วระดับนี้ ไม่ได้เร่งเพิ่ม รอบเครื่องอยู่ราว ๆ 2,500 รอบต่อนาที แน่นอนว่าเสียงเบา ทั้งหมดนี้ทำให้ขณะวิ่งไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร สบาย ๆ
อีกหนึ่งเรื่องระหว่างทดสอบ มีการแข่งขันประหยัดน้ำมัน เส้นทาง บ้านบึง-แกลง ระยะรวม 91.9 กม. ให้เวลา 1.30 ชม. ตั้งทริป 0 กม. ล็อกระบบแอร์เปิดตลอดที่ 25 องศาแบบ auto เส้นทางเจอจุดตัดไฟแดงประมาณ 6 แยก หากมองเลขกลม ๆ เวลานี้ก็เฉลี่ยความเร็วที่ 95 กม./ชม. ควรถึงที่หมาย แน่นอนว่าเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีปัจจัยเรื่อง สภาพจราจรและไฟแดง ใครมีวิชาอะไรต่างก็งัดออกมาใช้กันเต็มที่
ผู้ทดสอบสามารถทำได้ 23.5 กม./ลิตร.. ตัวเลขดีทีเดียว แต่ยังไม่พอ เพราะผู้ชนะเลิศสามารถทำเลขได้สูงถึง 26.1 กม./ลิตร ยอมใจเลยครับ
การขับขี่ทางไกลด้วย Toyota Yaris Ativ 2017 พวงมาลัยมีการแปรผันความหนืดตามความเร็ว ใช้ความเร็วสูงหนืดขึ้นมั่นใจดี กระซิบบอกหน่อยว่า ต่อให้ความเร็วสูงกว่านี้ก็ควบคุมได้เชื่อเถอะ ช่วงล่างน่าประทับใจจริง ๆ มันนุ่มแต่ยังเฟิร์ม เข้าโค้งเร็ว ๆ ไม่มีปัญหา การโยนตัวในห้องโดยสารสำหรับรถซีดานมีน้อยอยู่แล้ว แต่นี่ดีกว่ามาตรฐานทั่วไปอีก
ระยะเวลาเดินทางตั้งแต่ 10.30 น. เข้าถึงจันทบุรีราว ๆ 16.30 น. อาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลน้อยจริง ๆ หลายท่านที่ร่วมทดสอบยังยิ้มแย้มสบาย เบาะนั่งแต่ละจุดกระชับดีมาก อุ้มการไหลไปด้านข้างเบาะดี การไม่เหนื่อยจากเดินทางถือว่ายืนยันเรื่องนี้ได้ดี
จากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ หลังได้คลุกกับ Toyota Yaris Ativ 2017 มาประมาณ 2 วัน
- ภายกว้างขวาง ดูแพง จากที่สำรวจไม่ได้มีวัสดุอะไร หรือตกแต่งด้วยวัสดุแพง ๆ เลย คอนโซลพลาสติก ABS ที่ปั๊มลายหนัง บางจุดก็ปั๊มลายตะเข็บ ส่วนที่มีโอกาสสัมผัสคนโดยสารบุนุ่ม พื้นผิวเป็นหนังเทียม ตกแต่งด้วยสีดำกลอส (เปียโนแบล็ก) และพลาสติกผิวสีเทากึ่งเงา
แต่เออ...ดูแพงด้วยมิติ มันลงตัวการไล่โทน ไล่ระดับ มีนูน มีลึก มีมิติ ช่องแอร์แบบยาวที่ไม่ได้ดีไซน์เป็นผืนผ้าแบน ๆ เหมือนแต่ก่อน อย่างที่ตกแต่งคอนโซลก็แอบใส่ลายนิด ๆ บางจุดก็ลงทุนด้วยการเดินตะเข็บจริงสีแดง อย่างปุ่มที่คอนโซลหน้าบางจุดก็ทำหลอกให้ดูสวยงามลงตัวด้วยความสมมาตร ยกความชอบให้คนออกแบบภายใน Toyota Yaris Ativ 2017 จริง ๆ
- กำลังเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT เอาเป็นว่าพอใช้ ไม่ได้ปรู๊ดปร๊าด อยากเร่งแซงต้องทำความรู้จักกันหน่อย ซึ่งผู้ทดสอบลองหลายรูปแบบมาก จะมาแนะนำดังนี้
การเปลี่ยนระดับเกียร์ของรถที่ดังนี้
- เกียร์ P - ใช้จอด
- เกียร์ R - ใช้ถอยหลัง
- เกียร์ N - เกียร์ว่าง
- เกียร์ D - ใช้วิ่งปรกติ เมื่อไม่มีการไหลของระดับเกียร์ใช้รอบราว ๆ 2,000 รอบต่อนาที
- เกียร์ S - โหมดสปอร์ต รอบเครื่องยนต์จะทะยานไปราว ๆ 4,000 รอบต่อนาที
- เกียร์ B - โหมดเอนจิ้นเบรก รอบเครื่องยนต์ทะยานไปราว ๆ 4,700 รอบต่อนาที
ถึงจุดนี้ขอเปิดสเปคการทำงานเครื่องยนต์สักนิด เครื่องยนต์ 3NR-FE ขนาดความจุ 1,200 ซี.ซี. 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUAL VVT-i แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
หลาย ๆ คนคงคิดว่าจะเร่งแซงก็เข้าเกียร์ S ไม่ก็ B สิ เวลาเร่งแซงเพราะสามารถรีดแรงบิดได้สูงสุดแล้ว...เอาเข้าจริงการเร่งแซงมันไม่พุ่งเพิ่มแล้ว เรารีดแรงบิดสูงสุดอยู่ ที่สำคัญเรียกใช้แรงม้าเพิ่มไม่ได้ด้วย !! ผมคิกดาวน์อยู่หลายครั้ง รอบเครื่องไม่เพิ่มเลย หลังจากทดสอบได้แบบนี้จึงถามเพิ่มเติมกับ คุณสุรินทร์ สิงเหาะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริการด้านเทคนิคโตโยต้าในประเทศไทย ได้ความว่า
"เพราะสมองกลสั่งการไปอยู่แล้วว่าต้องการแรงสูงสุด อาจต้องคิกดาวน์แช่ไว้นานหน่อย เพื่อให้รถเข้าใจว่าเราต้องการแรงเพิ่มอีก", "เอาจริง ๆ ก็แนะนำว่าโหมด S และ B ไว้ขึ้น-ลงเขาและทางชัน มากกว่าใช้เร่งแซง"
ผู้ทดสอบก็ขอยืนยันเช่นนั้น หากคุณขับมาแล้วอยากเร่งแซงโหมด เกียร์ D เร่งแซงสบายกว่าเยอะ เพราะจากรอบคงที่ประมาณ 2,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์จะกวาดรอบเพิ่ม รถจะพุ่งขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัด เร่งแซงได้ไม่มีปัญหาเลย..
- เครื่องเสียงตัวท็อป S เกรด ดีเอาการ จากที่ทดสอบการเชื่อมต่อและฟังเพลงให้บันเทิงยามขับ พบว่าเชื่อมต่อนานมาก อยากฟังเพลงเสียบสายเปิดไปโหมด ipod ต่อให้เรียบร้อย คุณภาพเสียงผมให้เสนาะหู ได้เบส ได้กลาง ได้แหลม ครบ ๆ ป.ล. ความเห็นจากคนหูบ้าน ๆ
ที่เล่ามาก็น่าจะบอกความยอดเยี่ยมของ Toyota Yaris Ativ 2017 ได้หลายมิติแล้ว แถมเป็นเรื่องลึก ๆ ที่คงไม่ได้เห็นทั่วไป หรือบางครั้งเซลส์ก็ให้ข้อมูลไม่ได้แน่ ๆ พอมองราคาจำหน่ายตอนนี้รุ่นท็อป 619,000 บาท ออปชั่นปลอดภัยแน่น ขับดี ห้องโดยสารสวยงาม กว้างสบาย เครื่องเสียงคุณภาพดี ก็นั่นแหละครับ ความดีอยู่ในระดับต้น ๆ หลายด้าน เสริมความดีด้วยแบรนด์ที่สั่งสมคุณภาพมานาน เชื่อว่า Toyota Yaris Ativ 2017 จะกลายเป็นอีโคซีดานเบอร์ต้น ๆ ของประเทศไทยแน่นอน
ส่งท้าย ประเด็นที่น่ารู้
- Toyota Yaris Ativ 2017 ไม่แนะนำให้ไปทำเบาะหุ้มหนัง หรือเปลี่ยนเบาะเองเด็ดขาด เพราะจะเกิดผลกระทบกับ Side Airbag ไม่ทำงาน...ใครเจอเซลส์เสนอทำเบาะหนังให้ หรือคิดว่าอยากไปเปลี่ยนเป็นเบาะหนัง ขอให้หยุดไว้ก่อน
- Toyota Yaris Ativ 2017 เรื่องตัดกำลังแอร์ ทดสอบแล้วคนในรถไม่รู้สึกแน่ ๆ เพราะตัดแค่คอมเพรสเซอร์ ลมแอร์ยังเป่าปรกติ ความเย็นยังค้างในระบบอยู่เหมือนที่คุณอยากไล่ความชื้นในแอร์ก็ต้องตัดยาแอร์ทิ้งก่อนดับเครื่อง 1-2 นาที นั่นแหละ ฉะนั้นแค่ 5 วินาทีสบาย ๆ ครับ
- Toyota Yaris Ativ 2017 พวงมาลัยปรับได้ 2 ทิศ ขึ้น-ลง อยากให้พอดี ปรับเลื่อนเบาะคนนั่ง, เบาะคนขับปรับที่นั่งสูง-ต่ำได้
- Toyota Yaris Ativ 2017 เบาะนั่งโดยสารด้านหน้า ปรับสูง-ต่ำไม่ได้, เอนพนักพิงหลังได้, เลื่อนเข้า-เลื่อนออกได้
- Toyota Yaris Ativ 2017 สามารถทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 15.27 วินาที, ตัวเลขทดสอบจากทาง Toyota
- Toyota Yaris Ativ 2017 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กม./ชม. ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที, ตัวเลขทดสอบจากทาง Toyota
- Toyota Yaris Ativ จะทำตลาดในต่างประเทศโดย ใช้ชื่อ Toyota Vios, Toyota Yaris sedan หรืออื่น ๆ ตามแต่ละประเทศ ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ 1.2-1.6 ลิตร.. เอ๊ะ ๆ ประเด็นนี้มีนัยอะไรรึเปล่าหนอ
โตโยต้า ยาริส เอทีฟ 2017 (Toyota Yaris Ativ 2017) 5 รุ่นย่อย กับราคา
รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 619,000บาท
รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000บาท
รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 549,000บาท
รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 519,000บาท
รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000บาท
รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 619,000บาท
รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000บาท
รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 549,000บาท
รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 519,000บาท
รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000บาท