ถือเป็นการประกาศศักดาไปในตัวสำหรับ Ford GT 2017 ว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่ซูเปอร์คาร์ธรรมดาทั่วไปด้วยการเพิ่มรุ่นพิเศษ Ford GT ’66 Heritage Edition แบบจำกัดจำนวนการผลิต เพื่อฉลองความสำเร็จจากในอดีตของ Ford GT40 MK II ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 7.0 ลิตร สามารถครองแชมป์ในสนามเลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง (Le Mans 24 Hour) ได้สำเร็จในปี 1966 ขึ้นครองอันดับ 1, 2 และ 3 ไว้ทั้งหมดโดยเขี่ย Porsche 906/6L Carrera 6 และ Ferrari 275 GTB/C ให้ตกโพเดียมแบบไร้ที่ยืนกันเลยทีเดียว
1966 Ford GT40 MK II
2017 Ford GT ’66 Heritage Edition
และถึงแม้ว่า Ford GT40 MK II จะเป็นความสำเร็จในอดีต แต่ DNA จากรถแข่งในสนามในยุคนั้นก็ได้ถูกถ่ายทอดต่อมาจนถึง Ford GT รุ่นใหม่ทั้งรูปร่างหน้าตาและภาษาการออกแบบที่ไม่ต่างไปจากเดิมมากนักแต่แน่นอนว่ามีความทันสมัยและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่า โดย 2017 Ford GT ’66 Heritage Edition จะถูกตกแต่งตามแบบ Ford GT40 MK II คันสีดำหมายเลข 2 ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ของทีม Shelby-American Inc. ขับโดย บรูซ แมคลาเรน (Bruce McLaren) และ คริส อมอน (Chris Amon)
แต่ Ford GT ’66 Heritage Edition จะมีสีตัวถังให้เลือก 2 แบบคือดำเงา แชโดว์แบล็ก (Shadow Black) กับดำด้าน แมตต์ แบล็ก (Matte Black) ซึ่งทั้ง 2 แบบจะคาดด้วยแถบสีเงินคู่กลางตัวรถที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ตั้งแต่หัวจรดท้าย บนฝากระโปรงและประตูทั้งสองด้านตกแต่งลวดลายกราฟิกหมายเลข 2 ลงบนพื้นวงกลมสีขาว โฟรเซ่นไวท์ (Frozen White) ส่วนล้อใช้ขนาด 20 นิ้วแบบชิ้นเดียวที่ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีการอัดอะลูมิเนียมหรือที่เรียกว่าฟอร์จ (Forged) สีทอง โกลด์ซาติน (Gold Satin) เคลือบด้วยเคลียร์โค้ท ตัดด้วยนอตล้อสีดำ
ทางด้านการตกแต่งภายในห้องโดยสารของ Ford GT ’66 Heritage Edition นั้นจะใช้โครงเบาะที่ทำจากวัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์หุ้มด้วยหนังแท้สีดำ อีโบนี (Ebony Leather) เย็บลายขวางรวมถึงแผงข้างประตูและแผงหน้าปัดก็จะหุ้มหนังดำ อีโบนี เช่นกัน ที่พนักพิงศีรษะและพวงมาลัยประทับตัวอักษร GT บ่งบอกความพิเศษ แพดเดิลชิฟต์และพนักพิงหลังตกแต่งด้วยสีทอง ส่วนสายเข็มขัดนิรภัยเป็นสีฟ้า นอกจากนี้กรอบช่องแอร์ คอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งและขอบชายประตูด้านล่างตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบด้าน รวมไปถึงการติดเพลทบอกลำดับการผลิตของรุ่นพิเศษนี้มาให้ด้วย
มาถึงขุมพลังของ Ford GT ’66 Heritage Edition นั้นยังคงเหมือนกับเวอร์ชั่นปกติที่ใช้เครื่องยนต์ EcoBoost GTDI V6 ขนาด 3.5 ลิตร วางกลางลำด้านท้ายที่คาดว่าจะมีกำลังมากกว่า 600 แรงม้า จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่แบบ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบ Electronic Active Damping และ Push Button Activated Front Lift System เพื่อยกหน้ารถขึ้นได้เล็กน้อยเมื่อเจอเนินที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย สปอยเลอร์หลังยกตัวได้แบบแปรผันตามความเร็วและใช้เป็นแอร์เบรกร่วมกับเบรกคาร์บอน เซรามิก ของ Brembo ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 2017 Ford GT ทุกคัน
สำหรับ Ford GT ’66 Heritage Edition จะเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตแบบจำนวนจำกัดและเปิดรับจองควบคู่ไปกับ 2017 Ford GT โดยคันจริงทั้ง 2 เวอร์ชั่นนั้น Ford บอกว่าจะเปิดตัวประมาณต้นปีหน้า
ภาพจาก Ford