รอยขีดข่วน สีแตกกะเทาะ และสนิม เป็นคำที่ผู้ใช้รถยนต์ต่างไม่ชอบใจ เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับรถของตน อย่างไรก็ดี ผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ดสามารถคลายกังวลกับปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ด (3-wet paint technology) ซึ่งฟอร์ดได้นำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
ในเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ดนั้น เราใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง จึงทำให้สีมีความหนาและทนทานมากยิ่งขึ้น นายริชาร์ด เบอร์ท หัวหน้าส่วนงานวิศวกรรมการผลิตรถยนต์ทางด้านเทคนิคสี ของฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าว
การใช้ส่วนประกอบของสารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น (ทั้งเรซิ่นที่เป็นสารทำละลาย และตัวสี) ในการผสมสีเคลือบรถนั้น จะช่วยให้เนื้อสีที่ได้มีความเข้มข้นมากขึ้น และสามารถเกาะติดตัวถังรถได้ดีและทนทานกว่าเดิม
ก่อนที่ฟอร์ดจะเริ่มขั้นตอนการพ่นสีรถยนต์นั้น รถยนต์ทุกคันจะต้องผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมของผิวรถเบื้องต้น (pretreatment) ก่อน
โดยการนำตัวถังรถมาทำความสะอาด และล้างคราบมันออกด้วยการใช้สารฟอสเฟต จากนั้นตัวรถจะเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ช่วยให้สียึดติดกับตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การชุบตัวถังรถทั้งคันลงไปในบ่อสารเคมีนี้ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้สารเคมีที่ใช้ป้องกันสนิมสามารถเข้าไปเคลือบได้ในทุกอณูของโครงสร้างรถยนต์
เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ดจะเริ่มขึ้นหลังจากรถได้ผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมของผิวรถ เบื้องต้น (pretreatment) แล้ว โดยตัวรถจะเข้าสู่กระบวนการพ่นสีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ได้แก่ การพ่นสีรองพื้น (primer) การพ่นสีจริง (color coat) และการพ่นสีเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat)
การพ่นสีรองพื้น (primer) จะช่วยปกป้องสีรถจากแสงอาทิตย์ และทำให้สีมีความแข็งแรง ทนทานต่อการขีดข่วน และการแตกกะเทาะได้ดียิ่งขึ้น ในขั้นตอนต่อไป คือ การพ่นสีจริง (color coat) และการพ่นสีเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) เพื่อทำให้สีรถมีสีสันสด สวย เงางามเป็นประกาย และเป็นการเพิ่มการป้องกันสีรถอีกชั้น
ฟอร์ดมีการจึงกำหนดกระบวนการทดสอบคุณภาพของสีต่าง ๆ มากมาย ทั้งการแตกกะเทาะของสี และความทนทานต่อรอยขีดข่วน ไปจนถึงระยะเวลาของความความเงางาม และความสดของสี ว่าคงทนอยู่ได้นานแค่ไหน
หนึ่งในการทดสอบเหล่านั้นคือ การทดสอบการหลุดลอกของสี (Mar Resistance) ที่ใช้ตรวจสอบดูว่าสีที่พ่นเพื่อเคลือบผิวรถ (clear top coat) นั้นสามารถรักษาความเงางามได้นานเพียงใด
โดยวิศวกรของฟอร์ดจะใช้กระดาษทรายขัดถูที่สีผิวของรถ เพื่อดูความเงางามของสีที่ติดอยู่บนผิวรถ ซึ่งรถที่ผ่านกระบวนการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด จะสามารถคงความเงางามได้ถึง 96 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่รถที่ผ่านกระบวนการพ่นสีแบบ medium solid จะคงความเงางามได้เพียงแค่ 62 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกล่าวได้ว่า มาตรฐาน เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet high solid ของฟอร์ด สามารถเพิ่มความเงางามของรถได้ถึง 56 เปอร์เซ็นต์
เทคโนโลยีการพ่นสีแบบ 3 wet ของฟอร์ด ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการส่งมอบรถยนต์ที่ดีที่สุด นวัตกรรมที่ช่วยให้สีรถคงคุณภาพและความเงางาม ไปอีกหลายปี และที่สำคัญก็พร้อมเริ่มใช้กับรถในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้วครับ
world_id:5742caee4d265a987a8b4574
world_id:5742caff4d265a770e8b4597
world_id:5742cb0b4d265a950e8b4598
ภาพจาก Focus Fanaticsworld_id:5742caff4d265a770e8b4597
world_id:5742cb0b4d265a950e8b4598