x close

10 อันดับรถที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Mercedes-AMG

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          เปิด 10 อันดับรถที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Mercedes-AMG ที่สร้างชื่อจน Mercedes-AMG กลายป็นหน่วยงานสำคัญในการแต่งสมรรถนะของรถยนต์ระดับโลกของ Mercedes Benz อย่างทุกวันนี้

          นับเป็นระยะเวลาเกือบ 25 ปีแล้ว ที่ AMG ได้กลายเป็นที่รู้จักและมีความสำคัญในฐานะแผนกที่รับผิดชอบด้านการปรับปรุงสมรรถนะให้กับรถของ Mercedes-Benz ซึ่งในความเป็นจริงแล้วภาระหน้าที่ของแผนกเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่นี้ ได้เริ่มต้นขึ้นมาอย่างยาวนานเกือบ 50 ปี เมื่อ AMG ได้สร้างรถที่มีสมรรถนะอันเหลือเชื่อแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเยอรมนี ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้สังกัดของ Mercedes-Benz


          เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่าง BMW กับสำนักแต่งคู่บุญอย่าง Alphina ซึ่ง AMG นับได้ว่ามีความสนิทแนบแน่นกับ Mercedes-Benz ในฐานะสำนักแต่งอิสระจนกระทั่งได้มีการเซ็นสัญญาข้อตกลงเข้าร่วมกับ Mercedes-Benz ในปี 1990 ซึ่งหลังจากนั้นความสัมพันธ์ก็นำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ทั้ง 2 ฝ่าย จากชื่อเสียงและฝีมือของ AMG ในด้านการโมดิฟายรถให้มีสมรรถนะที่เป็นเลิศนั้น ทำให้ Mercedes-Benz ยังคงเก็บรักษาชื่อของ AMG ไว้เพื่อบ่งบอกถึงสมรรถนะที่เหนือธรรมดาของรถยนต์ Mercedes-Benz

          โดยในปี 2005 AMG ทั้งหมดได้กลายมาเป็นหน่วยงานหนึ่งของ Mercedes-Benz และมีการนำชื่อของ AMG มาใช้กับรถยนต์ในรุ่นที่แรงที่สุดของแต่ละโมเดลจวบจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ AMG ยังมีส่วนในการพัฒนาเครื่องยนต์ให้กับไฮเปอร์คาร์อย่าง Pagani รวมไปถึงรถสปอร์ตหรูสัญชาติอังกฤษอย่าง Aston Martin อีกด้วย

          จากการปรับแต่งรถในอู่เล็ก ๆ ในครั้งนั้นจนกระทั่งกลายมาเป็นหน่วยงานหนึ่งซึ่งอยู่เบื้องหลังของ  Mercedes-Benz และนี่คือรถยนต์ 10 รุ่น ที่นำพา AMG โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ cheatsheet.com ที่เล่าถึงจุดเล็ก ๆ ของวงการแต่งรถ AMG ปรับเปลี่ยนรถยนต์สไตล์ของตัวเองจนกลายเป็นหน่วยงานสำคัญในการแต่งสมรรถนะของรถยนต์ระดับโลกอย่างทุกวันนี้

           "Red Pig" 6.8 SEL ปี 1971

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าสำนักแต่งรถแห่งนี้จะนำรถระดับผู้บริหารจากแบรนด์หรูหราอย่าง Mercedes-Benz มาปรับแต่งสำหรับแข่งขันในรายการยูโรเปียน เรซซิ่ง เวิลด์ โดยมีชื่อเรียกว่า "Red Pig" เพื่อต่อกรกับคู่แข่งที่มีขนาดเล็กและเบากว่าอย่าง Alfa Romeo และ BMW ซึ่งในครั้งนั้น AMG ได้สั่นสะเทือนวงการการแข่งขันของยุโรปจนกลับตาลปัตร

          AMG ได้นำเอา Mercedes-Benz รุ่นใหญ่ ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 6.3 ลิตร มาขยายความจุเป็น 6.8 ลิตร ซึ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ในการแข่งขัน 24 ชั่วโมง ณ สนาม เดอ สปา-ฟรองโกชองส์ หรือ เดอะสปา ในเบลเยียม นำมาซึ่งชื่อเสียงเพียงชั่วข้ามคืน ด้วยความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตร/ ชั่วโมง และทำเวลาจาก 0-100 ได้ภายใน 6.3 วินาที จนทำให้ "Red Pig" กลายเป็นรถซีดานที่เร็วที่สุดในโลกในขณะนั้น แต่นั่นดูเหมือนยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ Mercedes-Benz หันมาสนใจสำนักแต่งเล็ก ๆ อย่าง AMG

          300 SL AMG ปี 1974

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          ผลงานที่สำคัญต่อมาของ AMG นั้นเรียกได้ว่าโดดเด่นและถือเป็นการท้าทายอำนาจของ Mercedes-Benz ในขณะนั้น 300 SL AMG เปรียบเสมือนการเริ่มต้นของความสำเร็จ เมื่อมีลูกค้านำ 300 SL Gullwing รุ่นปี 1957 มาปรับแต่งโดยรื้อเกือบทุกอย่างที่มีมาจากโรงงานออก ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปรับแต่งนานถึง 12 เดือน ทั้งนี้ AMG ได้ยกเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียงออกและนำเครื่อง วี8 ขนาด 4.5 ลิตร จากรุ่น 450 SE 4 ประตูมาใส่แทน โดยแทบทุกชิ้นส่วนของตัวถังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ภายในจากรุ่นที่ร่วมสมัยกว่าอย่าง SL Roadster อย่างไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ในครั้งนั้น

          190E AMG ปี 1984

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          ในช่วงยุค 80 รายการแข่งขันรถแข่งทางเรียบ เยอรมัน ทัวร์ริ่ง คัพ หรือ Deutsche Tourenwagen Masters (DTM) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และ Mercedes-Benz ต้องการที่จะเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าวด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ของตนอย่าง 190E ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันสำหรับ AMG โดย Mercedes-Benz ได้เลือกใช้บริการ British tuning Cosworth ทำการปรับแต่ง 190E 2.3-16. เพื่อใช้เข้าแข่งขัน แต่เนื่องจาก Mercedes-Benz ยังคงถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันมาตั้งแต่ยุค 60 จนถึงขณะนั้น ดังนั้น 190E จึงถูกนำมาแข่งขันในฐานะทีมอิสระในรายการ DTM ในฐานะเดียวกับ AMG ซึ่งรถของ AMG ได้ขยายความจุกระบอกสูบเป็น 2.5 ลิตร ร่วมกับ AMG Power Pack ทำให้มีพละกำลังขึ้นอีก 30 แรงม้า

          โดยการแข่งขันในตอนนั้นเปรียบเสมือนเป็นการแข่งกันระหว่าง 190E จากสำนักแต่ง Cosworth กับ AMG และยังทำให้ BMW เริ่มคิดที่จะก่อตั้งแผนกสำหรับปรับแต่งรถเพื่อการแข่งขันของตัวเองจนกลายมาเป็นแผนก M อย่างในปัจจุบัน

          The Hammer (W124) ปี 1986

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          ในช่วงกลางยุค 80 สำนักแต่ง AMG ได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างมาก จนมีการเปิดที่ทำการแห่งใหม่เป็นแห่งที่ 2 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า เช่นเดียวกับเจ้า "Red Pig" เมื่อ 15 ปีก่อน AMG ได้สร้างรถสมรรถนะสูงให้คนทั้งโลกกล่าวขวัญถึงอีกครั้งในปี 1986 เมื่อมีการนำรถที่แสนจะอนุรักษนิยมของ Mercedes-Benz รุ่น E-Class มาปรับแต่งจนมีพละกำลังสูงถึง 348 แรงม้า ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์ วี8 ขนาด 5.6 ลิตรลงไป โดยตั้งชื่อให้กับมันว่า "The Hammer"

          The Hammer สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กิโลเมตร/ ชั่วโมง และมีอัตราเร่งจาก 0-100 ด้วยเวลาที่ต่ำกว่า 5 วินาที เรียกได้ว่าเร็วพอ ๆ กับที่ซูเปอร์คาร์ในยุคนั้นจะทำได้ และนั่นทำให้ชื่อเสียงของ AMG โด่งดังจนถึงขีดสุดในฐานะสำนักแต่งรถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งต่อมาในปี 1990 AMG ได้เข้าทำสัญญาข้อตกลงร่วมกับ Mercedes-Benz และนั่นทำให้ AMG ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดในระดับโลกได้

          C63 AMG ปี 1993

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          หลังจากที่ได้ Mercedes-Benz เข้ามาสนับสนุนงานด้านวิศวกรรม  AMG ก็ได้สร้างสรรค์ผลงานในตลาดระดับมวลชนขึ้นเป็นครั้งแรกในรุ่น C63 AMG ซึ่งได้เปิดตัวในปี 1993 โดยใช้พื้นฐานจากรถรุ่น C-Class และในครั้งนี้ Mercedes-Benz ให้การรับรองเช่นเดียวกับ C-Class รุ่นปกติที่ผลิตออกมาจากโรงงานแบบเดียวกับที่ BMW มี M3 (ตัวถัง E36) ในขณะนั้น ซึ่งการมาของ C63 นั้นถือเป็นการเติมเต็มช่องว่างให้กับ Mercedes-Benz ที่ไม่มีรถยนต์สมรรถนะสูงออกมาจำหน่ายในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และยังทำให้ AMG เข้าสู่การเป็นผู้ปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงของบริษัทระดับโลกอย่างเป็นทางการ

          SL73 AMG ปี 1998

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          ถึงแม้ว่า C63 AMG จะประสบความสำเร็จในด้านยอดขายไปทั่วโลก แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับ Mercedes-Benz ซึ่งคราวนี้เป็นคิวของรถสปอร์ตรุ่นสำคัญอย่าง SL73 AMG ที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ วี12 ขนาด 7.3 ลิตร ทำให้มีพละกำลังมากถึง 525 แรงม้า ซึ่งผลิตออกมาได้เพียง 85 คันเท่านั้น เมื่อดูจากจำนวนการผลิตนั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนให้ความสนใจมัน เพราะนาย Horatio Pagani หลงเสน่ห์เครื่องยนต์ของ SL73 AMG เอามาก ๆ ถึงกับให้ AMG ผลิตเครื่องยนต์ให้กับรถไฮเปอร์คาร์ระดับตำนานของตนอย่าง Pagani Zonda เลยทีเดียว

          Mercedes-Benz CLK GTR ปี 1997

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          หลังจากนั้นไม่นานเวลาของเกมการแข่งขันด้านสมรรถนะก็หวนกลับมาสู่ Mercedes-Benz อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญโดยเฉพาะครั้งนี้มี AMG เข้ามาคอยให้การช่วยเหลือสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขัน อินเตอร์เนชันแนล จีที โดย Mercedes-Benz ได้นำรถ CLK Coupe ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งโครงสร้างนั้นทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมมีพละกำลังถึง 612 แรงม้า จากเครื่องยนต์แบบ วี12 ความจุ 6.9 ลิตร จากกฎของการเป็นรถที่สามารถใช้งานบนถนนปกติได้ทำให้ CLK GTR racer ทำความเร็วสูงสุดได้ 318 กิโลเมตร/ ชั่วโมง

          ซึ่งซูเปอร์คาร์ในยุคใหม่ของ Mercedes-Benz นี้มีราคาที่ไม่ถูกนัก โดยในปี 1998 ได้มีการบันทึกไว้ว่า CLK GTR มีราคาแพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าถึง 1,573,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 50 ล้านบาทในยุคนั้น

          G55 AMG ปี 2003

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          AMG ยังคงรักษาชื่อเสียงมาได้อย่างยาวนานในการสร้างรถสมรรถนะสูงให้กับ Mercedes-Benz ในทุกโมเดล จนกระทั่ง G55 AMG ได้วางจำหน่ายในโชว์รูมของ Mercedes-Benz ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AMG นั้นไม่ธรรมดา ด้วยการนำรถในตำนานอย่าง G-Class ซึ่งถือกำเนิดจากการเป็นรถใช้งานทางการทหารในปี 1979 มาปรับแต่งช่วงล่างให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเบรกที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับพละกำลังมหาศาลถึง 500 แรงม้า จากเครื่องยนต์ วี8 ขนาด 5.4 ลิตร

          ผลของน้ำหนักตัวที่มากถึง 2 ตันครึ่งกับเครื่องยนต์ 500 แรงม้า ทำให้มันมีพละกำลังมากกว่า Ferrari 360 Stradale และวิ่งจาก 0-60 โดยใช้เวลาต่ำกว่า 5 วินาที และยิ่งไปกว่านั้น AMG G-Series ยังคงทำการผลิตรุ่น G63 และ G65 ซึ่งถึงแม้ว่าจะดูใกล้เคียงกับรุ่น G55 แต่ในรุ่น G65 มีพละกำลังมากถึง 612 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร

          Mercedes-Benz SLS AMG ปี 2011

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          SLS AMG นั้นมีเหตุผลที่ชวนสงสัยอยู่หลายข้อ ซึ่งไม่เพียงแค่การใช้ประตูแบบปีกนกและส่วนท้ายรถแบบ 300 SL รุ่นคลาสสิกในยุค 50 รวมถึงเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 6.3 ลิตร ซึ่งให้กำลัง 563 แรงม้า หรือแม้กระทั่งการออกแบบที่สะอาดตาในรุ่นจำหน่ายจริง ซึ่งมีการผลิตในระยะเวลาอันสั้นเพียง 4 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะมี Mercedes-AMG GT ในปี 2016 ซึ่งการมาของ SLS ช่วยให้ Mercedes-Benz ได้เขยิบเข้าไปใกล้การเป็นคู่แข่งของ Ferrari และ Porsche ได้มากขึ้น ซึ่งการใช้ประตูแบบปีกนกทำให้มันดูเจ๋งในทุกยุคสมัย

          Mercedes-AMG GT3 ปี 2016

รถที่ดีที่สุด ของ Mercedes-AMG

          จากการใช้พื้นฐานของรุ่น Mercedes-AMG GT ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า GT3 จะมาเป็นคู่แข่งของ Posche 911 GT3 ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะใช้เครื่องยนต์ วี8 ขนาด 6.2 ลิตร แต่มีโครงสร้างน้ำหนักเบาอย่างอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อช่วยให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นเช่นเดียวกับ CLK GTR ซึ่ง GT3 ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีสมรรถนะแบบรถแข่งอย่างเต็มตัว ในขณะที่การตกแต่งภายในนั้นยังคงความดุดันโดยสามารถผ่านกฎหมายการเป็นรถยนต์ที่สามารถนำมาวิ่งบนถนนปกติได้นั่นเอง
   
          ประวัติศาสตร์ของ AMG นั้นดูเหมือนจะเป็นวงจรที่ประหลาดซึ่งเริ่มต้นจากการนำเครื่องยนต์ 2 เครื่องของ Mercedes-Benz มาปรับแต่งในอู่เล็ก ๆ ซึ่งหลังจากได้มีการก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ก็ได้หยุดกิจกรรมทางด้านมอเตอร์สปอร์ตในช่วงกลางยุค 60 แต่กลับเป็นส่วนที่ทำให้ Mercedes-Benz หวนกลับมาสู่โลกแห่งความเร็วอีกครั้งในอีกเกือบ 30 ปีต่อมา

          ซึ่งในวันนี้ชื่อของ AMG เปรียบเสมือนนิยามของนวัตกรรมแห่งสมรรถนะในระดับโลก และตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมาทำให้ AMG ได้กลายเป็นผู้นำในโลกแห่งความเร็วของเยอรมนีด้วยรถยนต์รุ่นใหม่อย่างเช่น GT3 ซึ่งดูเหมือนว่า AMG ได้ก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดนั้นไปอีกนานแสนนาน

ภาพจาก cheatsheet

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 อันดับรถที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Mercedes-AMG อัปเดตล่าสุด 5 กรกฎาคม 2564 เวลา 17:38:55 12,710 อ่าน
TOP