กฎหมายความเร็วรถ 2566 แต่ละประเภทขับเร็วสูงสุดได้เท่าไรถึงจะไม่โดนใบสั่ง และหากวิ่งเร็วเกินกำหนดจนโดนใบสั่งจะต้องเสียค่าปรับในอัตราเท่าใด
ใบสั่ง สิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ อาจเคยได้รับมาบ้างจากการทำผิดกฎจราจรแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่น จอดรถในที่ห้ามจอด ฝ่าไฟแดง เปลี่ยนเลนในเขตเส้นทึบ โดยเฉพาะการใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งถือเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ ที่ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถมีโอกาสได้รับใบสั่งมากที่สุด เพราะนอกจากการตรวจจับความเร็วโดยเจ้าหน้าที่แล้ว ตามทางหลวง ถนนเส้นหลัก หรือทางด่วน ต่างก็มีกล้องตรวจจับความเร็วติดตั้งไว้และพร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
แม้ปัจจุบันจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันแจ้งเตือนกล้องจับความเร็วออกมาให้ได้ใช้กัน ซึ่งช่วยให้หลบเลี่ยงการใช้ความเร็วเกินกำหนด ผู้ขับขี่สามารถชะลอความเร็วได้ทันก่อนถูกตรวจจับก็จริง แต่หากเป็นการตรวจจับโดยเจ้าหน้าที่ แอปฯ ดังกล่าวก็อาจตรวจจับไม่ได้
สำหรับอัตราความเร็วสูงสุดที่สามารถใช้บนท้องถนนนั้นปัจจุบันมีปรับเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ รถแต่ละประเภทใช้ความเร็วได้ไม่เกินเท่าไร รวมถึงหากโดนใบสั่งจากกล้องจับความเร็วต้องเสียค่าปรับเท่าไร เรามีข้อมูลมาฝาก
อัตราความเร็วรถใหม่ 2566
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ. 2564 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งได้จำแนกประเภทรถกับความเร็วที่ขับได้บนทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบท รวมถึงทางชนิดอื่น ๆ โดยมีข้อกำหนดดังนี้
1. กำหนดให้ความเร็วขั้นสูงสำหรับการขับรถในทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถที่จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ให้ขับรถแต่ละประเภทในทางเดินรถโดยใช้ความเร็วไม่เกินดังนี้
- รถยนต์ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ทั่วไป ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม รถบรรทุกคนโดยสารที่บรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ (บิ๊กไบค์) ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 46 แรงม้าขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ซี.ซี. ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโรงเรียน หรือรถรับ-ส่งนักเรียน ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถใช้งานเกษตรกรรม ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทั้งนี้ จะมีการกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับการขับรถในช่องเดินรถช่องทางขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง ซึ่งจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป โดยให้รถยนต์ที่ขับในช่องทางเดินรถช่องขวาสุดใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2. กำหนดความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถที่อยู่ ‘ใน’ เขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนคร เขตเทศบาลเมือง หรือเขตชุมชน และทางขนาน
- รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 400 ซี.ซี. ขึ้นไป ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโดยสาร 5-7 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโรงเรียน ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถลากจูง รถสามล้อ รถยนต์สี่ล้อเล็ก ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถที่ใช้ในการเกษตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3. ความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถที่อยู่ ‘นอก’ เขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนคร เขตเทศบาลเมือง หรือเขตชุมชน
- รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ ใช้ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 400 ซี.ซี. ขึ้นไป ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโดยสาร 5-7 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโรงเรียน ใช้ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถลากจูง รถสามล้อ รถยนต์สี่ล้อเล็ก ใช้ความเร็วไม่เกิน 55 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถที่ใช้ในการเกษตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
4. ความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถบนทางพิเศษ และทางเดินรถนั้นอยู่ในระดับเหนือหรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ
- รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ในเลนขวาสุด ความเร็วต้องไม่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโดยสาร 5-7 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโรงเรียน ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถลากจูง รถสามล้อ รถยนต์สี่ล้อเล็ก ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง
5. ความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถบนทางพิเศษ และทางเดินรถนั้นอยู่ในระดับพื้นดิน
- รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ในเลนขวาสุด ความเร็วต้องไม่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโดยสาร 5-7 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถโรงเรียน ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รถลากจูง รถสามล้อ รถยนต์สี่ล้อเล็ก ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราโทษปรับหากใช้ความเร็วเกินกำหนด
สำหรับอัตราโทษปรับเมื่อโดนใบสั่งใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงที่ประกาศออกมานั้นไม่ได้บังคับใช้กับทุกพื้นที่ แต่ให้ยึดจากป้ายกำกับหรือเครื่องหมายจราจรในพื้นที่นั้น ๆ แต่เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและโดนใบสั่งจากกล้องตรวจจับความเร็ว ควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนด หรือใครจะลองโหลดแอปพลิเคชันกล้องตรวจจับความเร็วมาใช้ก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : ratchakitcha.soc.go.th, thaigov.go.th