Wrap Car เปลี่ยนสีตัวถังรถยนต์ คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และมีผลต่อกฎหมายหรือไม่ ไปหาคำตอบกัน
ผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถยนต์ หรือใครที่อยากจะปรับเปลี่ยนสีรถใหม่ให้ถูกโฉลก ปัจจุบันสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการพ่นสีใหม่ทั้งคัน หรือการเปลี่ยนสีง่าย ๆ ด้วยวิธี Wrap Car หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Wrap (แรป) ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เอ ว่าแต่วิธีนี้จะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้างนะ
Wrap Car คืออะไร
Wrap Car คือการนำฟิล์ม PVC (Polyvinylchloride) มาห่อหุ้มตัวรถ โดยตัวฟิล์มจะมีความยืดหยุ่นได้น้อย ต้องใช้ความร้อนเพื่อให้สามารถยืดตัว มีคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องตัวรถจากสะเก็ดหินและรอยขีดข่วน ซึ่งฟิล์มชนิดนี้จะมีให้เลือกหลากแบบหลายสี ทั้งแบบเงา เมทัลลิก แบบด้าน และแบบประกายแสง นอกจากนี้ก็ยังมีแบบกระป๋องสเปรย์ที่เรียกว่า Plasti Dip หรือ Elastic Dip เมื่อฉีดจะกลายเป็นฟิล์มสีเคลือบตัวถัง ที่สามารถลอกออกได้ง่ายโดยที่ไม่ทำลายสีรถแต่อย่างใด
- Wrap Car ข้อดี
การ Wrap สีตัวถังนั้นมีข้อดีคือ สามารถเปลี่ยนสีรถได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสีพื้นเดิม อีกทั้งยังคงเส้นสายของตัวถังไว้อย่างสวยงาม ประกอบกับตัวฟิล์มยังทำหน้าที่ในการป้องกันสิ่งสกปรก รอยขนแมว ขี้นก เกสรดอกไม้ และเมื่อเสื่อมสภาพก็สามารถลอกออกได้
- Wrap Car ข้อเสีย
เนื่องจากฟิล์ม PVC จะมีด้วยกันหลายเกรด หลายราคา ซึ่งหากติดฟิล์มราคาถูก ๆ กาวคุณภาพต่ำ ก็สามารถสร้างความเสียหายต่อสีและสารเคลือบตัวถังได้ การติดก็ต้องใช้ฝีมือช่างที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง ต้องใช้ทักษะในการเก็บรอยให้เรียบเนียนไร้ฟองอากาศ จึงทำให้ราคาการ Wrap สีตัวถังแพงพอ ๆ กับการทำสีใหม่ นอกจากนี้ยังจะมีอายุการใช้งานครั้งละประมาณ 2-3 ปี ซึ่งเมื่อถึงอายุการใช้งาน จะต้องกลับเข้าไปเปลี่ยนและทำการหุ้มใหม่ทั้งคันอีกครั้งหนึ่ง
Car Wrap ผิดกฎหมายไหม
การ Wrap สีรถนั้น ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะ Wrap สีตัวถังทั้งคัน หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่จะต้องทำให้ถูกต้องนั่นก็คือ ไปแจ้งกับกรมขนส่งทางบกภายใน 7 วัน หลังจากที่ไปเปลี่ยนสีรถยนต์ เหตุผลที่ต้องไปแจ้งนายทะเบียนทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนสีตัวถังใหม่ เนื่องจากเป็นการป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ อาทิ การขับรถเฉี่ยวชน การสวมรอยก่ออาชญากรรม การขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย หรือแม้แต่ป้องกันรถถูกขโมย แล้วถูกแปรสภาพเป็นสีอื่น หรือแกะ Wrap ออกจนเป็นสีเดิมจนไม่สามารถแกะรอยได้
แจ้งเปลี่ยนสีรถ ใช้หลักฐานอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
- หลักฐานที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ
-
ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
-
หลักฐานการเปลี่ยนสีของรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างทำสี เป็นต้น
-
หลักฐานประจำตัวเจ้าของรถ ได้แก่
- ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน
- ภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่สามารถดำเนินการเอง) พร้อมภาพถ่ายบัตรประจำตัวของผู้รับมอบอำนาจ
- ขั้นตอนการดำเนินการ
-
ยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ
-
ยื่นตรวจสอบคำขอ พร้อมหลักฐานและผลผ่านการตรวจสอบรถ
-
ชำระค่าธรรมเนียม
-
รอรับเอกสารคืน
- ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์
-
ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
-
ค่าดำเนินการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบก 50 บาท
-
ค่าคำขอ 5 บาท
ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 200-2,000 บาท แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน หากไม่ได้เปลี่ยนสีรถยนต์ทั้งคัน แต่ติดเพื่อเพิ่มลวดลาย อาทิ บริเวณตัวถัง ฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า แก้มข้าง หลังคา ฝาท้าย หรือชุดแต่งต่าง ๆ ไม่เกิน 20% ของสีตัวถังเดิม ก็ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสีกับกรมขนส่งทางบก
ขณะเดียวกันทางกรมการขนส่งทางบก ยังได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกำหนดสีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ดังนี้
-
กรณีตัวรถมีสีเดียว ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลัก โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเข้มของสีที่แตกต่างกัน ตามตัวอย่างสีรถที่กำหนดในภาคผนวก ก แนบท้ายระเบียบนี้
-
กรณีตัวรถมีหลายสี โดยแต่ละสีแตกต่างกันเห็นได้ชัดเจนบริเวณตัวถังส่วนที่สำคัญของรถเช่น ฝากระโปรงหน้า-ท้าย หลังคา หรือประตู เป็นต้น ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเป็นสีของรถ ไม่เกิน 3 สี แล้วแต่กรณี เช่น ตัวรถมี 2 สีกำหนดเป็นสี ขาว แดง หรือตัวรถมี 3 สี กำหนดเป็นสี ดำ ขาว เหลือง และหากตัวรถมีมากกว่า 3 สี และสามารถกำหนดสีหลักของตัวรถได้ให้กำหนดสีหลัก 3 สี ตามด้วยสีลําดับท้ายสุด "หลายสี" เช่น ขาว แดง หลายสี เว้นแต่กรณีไม่สามารถกำหนดสีใดเป็นสีหลักได้ ให้กำหนดว่า "หลายสี" เพียงอย่างเดียว
-
กรณีสีคาดหรือแถบคาดที่ใช้ตกแต่งรถ โดยไม่ทําให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องกำหนดเป็นสีรถ แต่หากการตกแต่งรถทําให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ให้กำหนดเป็นสีของรถตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
เรียกได้ว่าการ Wrap สีรถ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเปลี่ยนสีตัวถังใหม่ แต่สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องให้ความสำคัญทุกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจ Wrap สี นั่นก็คือ การหาร้านที่มีมาตรฐาน ช่างที่มีความชำนาญ หรือแม้แต่การเลือกฟิล์มที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้คุณได้สีหรือลวดลายที่โดนใจ ติดทนนาน และไม่เกิดปัญหาในระยะยาว ที่สำคัญควรวางแผนเตรียมเวลาในการดำเนินการแจ้งนายทะเบียนที่กรมขนส่งภายใน 7 วันด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : dlt.go.th, autotrader.co.uk, holtsauto.com