อังกฤษดันรถไฟฟ้าเต็มตัว ประกาศเลิกขาย รถเบนซิน, ดีเซล รวมทั้งไฮบริดในปี 2035 เพื่อแก้ปัญหามลพิษ ฝัุ่นควัน PM2.5 อย่างยั่งยืน คาดอีกไม่กีปีข้างหน้ามีรถไฟฟ้าจากค่ายต่าง ๆ ออกมาขายมากขึ้นนแน่นอน
รัฐบาลอังกฤษแสดงถึงความตระหนักอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาสภาวะอากาศ ด้วยการประกาศเป้าหมายยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษซึ่งได้แก่รถยนต์ระบบพลังงานน้ำมันทั้ง เครื่องยนต์แบบเบนซินและดีเซล รวมถึงรถยนต์ไฮบริด ภายในปี 2035
คำประกาศนี้เป็นการเปลี่ยนเงื่อนเวลาให้เร็วขึ้นหลังจากกำหนดเวลาในตอนแรกที่ระบุไว้เป็นปี 2040 ถูกมองว่าช้าเกินไปหากอังกฤษจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการเป็นประเทศซึ่งปราศจากมลพิษจากรถยนต์ภายในปี 2050 โดยนาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ ประกาศในงานแถลงข่าวการประชุมสุดยอด COP26 ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่า ปี 2020 จะเป็นปีแห่งการผลักดันมาตรการเพื่อสภาพอากาศโลกอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับนโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปอุตสาหกรรมรถยนต์ของอังกฤษ เพื่อนำไปสู่ยุทธศาสตร์การลดมลพิษบนท้องถนนที่เรียกว่า "Road to Zero Strategy" เกิดขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อปี 2018 โดยครั้งนั้นรัฐบาลเมืองผู้ดีได้ประกาศจะยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์และรถแวนในระบบเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลทั้งหมดภายในปี 2040 ซึ่งรวมไปถึงรถยนต์ไฮบริดทุกประเภทยกเว้นรถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่ต่ำหว่า 75 กรัมต่อกิโลเมตร
ขณะที่การประกาศล่าสุดนี้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายให้ยกเลิกการขายรถยนต์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะทั้งหมด นั่นเท่ากับว่าเมื่อถึงปี 2035 ตามกำหนด รถยนต์ที่จำหน่ายในสหราชอาณาจักรจะมีแค่ระบบพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฮโดรเจนเท่านั้น
ทั้งนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ autocar.co.uk ระบุว่า ในปีที่ผ่านมามีรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ถูกจำหน่ายไปทั้งสิ้น 37,850 คัน ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 144 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2018 ทว่านั่นยังเป็นสัดส่วนเพียง 1.6 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถยนต์ในสหราชอาณาจักรทั้งหมด เพราะรถยนต์ที่ถูกจำหน่ายส่วนใหญ่ถึง 1,498,640 คัน หรือ 64.8 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเป็นรถเครื่องยนต์เบนซิน และ 583,488 คัน หรือ 25.2 เปอร์เซ็นต์เป็นรถยนต์ดีเซล
สำหรับในประเทศไทย แนวคิดเรื่องการลดมลพิษจากรถยนต์ถูกพูดถึงมาหลายปีแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ในเมืองใหญ่ ๆ ทั้งกรุงเทพมหานคร หรือ เชียงใหม่ ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 อย่างหนักอยู่เป็นระยะ ๆ โดยมีมาตรการในระยะเร่งด่วนอย่างการเอาผิดรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเกินกำหนด ขณะที่ในระยะยาวมีความพยายามที่จะผลักดันมาตรการด้านภาษีเพื่อช่วยผลักดันการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก bbc.com, autocar.co.uk
