เจอชนแล้วหนี ต้องทำอย่างไร อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทั้งจากตัวเราเองหรือคนอื่นก็เป็นเหตุสุดวิสัย แต่ชนแล้วอย่าหนี เพราะโทษจะเปลี่ยนจากเบาเป็นหนัก ต้องอาญาและติดคุก ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78
เรื่องการใช้รถกับอุบัติเหตุถือเป็นของคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหน แต่ในบางครั้งก็ยังเกิดอุบัติเหตุ ดังคำที่ว่า "เราระวังแล้ว แต่คนอื่นไม่ระวัง" หากไม่บาดเจ็บหรือบาดเจ็บเล็กน้อยก็ดีไป แต่หากบาดเจ็บหนักขึ้นมา ก็จะเกิดคำถามตามมาว่า "ใครจะรับผิดชอบ" หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็ต้องคู่กรณีใช่ไหมครับ ? ซึ่งถ้ามีก็ดีไป แต่ถ้าหาคู่กรณีไม่ได้ล่ะ เราก็ "โดนชนแล้วหนีไง" ซึ่งคงไม่ดีแน่ ๆ
ดังนั้นเราจะพาไปดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรณี "ชนแล้วหนี" กันว่า ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อประสบเหตุลักษณะนี้และมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง
พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 บัญญัติว่า "ผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดรถให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม"
ซึ่งหากว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วอย่ากลัว ควรปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางมาตรา 78 เพราะต้องมาพิจารณาสาเหตุของอุบัติเหตุอีกทีเพื่อหาฝ่ายผิด จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนกฎหมาย ที่จะมีประกันภัยรถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในส่วนของการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
แต่หากว่าชนแล้วหนีจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น แล้วผู้ขับขี่ไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ทางกฎหมายจะสันนิษฐานว่า "ชนแล้วหนี" ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมายและเป็นคดีอาญา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่เราขับหลบหนีหรือไม่สามารถแสดงได้ว่าเป็นใครผู้ขับขี่จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่
หากผู้ขับขี่หรือผู้ครอบครอง (กรณีเจ้าของรถไม่ใช่เรา) ไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้กระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิดและให้ตกเป็นของรัฐ
แต่หากหลบหนีแล้วโดนจับได้หรือเข้ามอบตัวเองในภายหลังก็จะมีบทลงโทษดังนี้
พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 160 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือเสียชีวิต - ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยบทลงโทษนี้จะแยกจากคดีที่เกิดอุบัติเหตุอีกที หรือพูดง่าย ๆ ว่า ถ้าเราชนแล้วหนี เราจะมีคดีติดตัวเพิ่มมาอีกคดีฟรี ๆ นั่นเอง
แต่ดูจากบทลงโทษแล้วคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะโดนแน่ ๆ เมื่อเรารู้บทลงโทษไปแล้วเราก็มาดูกันว่า วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นควรทำตัวอย่างไร
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อขับรถชนคือ "ตั้งสติ" และ "อย่าหนี" เพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้น ผู้ทำผิดไม่ใช่อาชญากร เราจึงควรที่จะอยู่รับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หากเลือกที่จะหลบหนีแล้ว ในอุบัติเหตุเกิดมีผู้เสียชีวิต เราก็จะต้องหลบหนีถึง 15 ปี เลยทีเดียว รวมถึงอาจจะเจอข้อหาอื่น ๆ เพิ่มอีกด้วย
แต่หากให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ มอบตัวเพื่อสู้คดี บางทีผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เช่น บางคดีอาจยอมความกันได้ หรือ ศาลปรานีลดโทษให้ตามความถูกต้องเหมาะสม
และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วเราเจอผู้บาดเจ็บ สามารถติดต่อศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ฉุกเฉินไทยเพื่อให้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เบอร์ติดต่อ : ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ฉุกเฉินไทย โทร. 1669 ให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
สิ่งนี้ที่นำมาเสนอในวันนี้ถือเป็นความรู้เบื้องต้นการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อที่ให้ทุก ๆ คนไม่ตื่นตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดและใช้รถอย่างมีสติ มีน้ำใจต่อกัน จะช่วยให้เราปลอดภัยและห่างไกลจากอุบัติเหตุได้ดีที่สุดครับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พลสิทธิ์ เลิศนภาพงศ์ โต้งเมฆา, เฟซบุ๊ก ฤทัยกาฬ หาญมโหฬี
ข้อมูลจาก masii.com