Vera V1 ซิตี้คาร์ไฟฟ้าแบรนด์คนไทย เผยโฉมคันจริงพร้อมจุดเด่นของการเป็นรถไฟฟ้าราคาถูกสุดในตลาดตอนนี้ที่ 945,000 บาท ส่วนผู้ที่จอง Vera V1 ภายใน 31 มกราคมนี้ สำหรับ 20 คันแรก ลดทันที 1 แสนบาท น่าใช้แต่ต้องเปิดใจให้กว้าง
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 VERA automotive เผยโฉมคันจริงของ Vera V1 รถไฟฟ้าคันแรกของไทยและสามารถจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งได้อย่างถูกต้อง พร้อมกับราคาเปิดตัวซึ่งแจ้งไว้ล่วงหน้าที่ 945,000 บาท จนกลายเป็นประเด็นร้อนพอสมควรตั้งแต่ก่อนเปิดตัว ส่วนคันจริงของ Vera V1 "จะคุ้มค่าน่าใช้แค่ไหน เหมาะกับใคร" มาไขข้อข้องใจกันได้เลย
เช่นเดียวกับงานออกแบบและวัสดุภายในของ Vera V1 นั้นอยู่ในระดับซิตี้คาร์ราคาประหยัด ซึ่งเพียงพอแค่สำหรับการเดินทางในเมืองไป-กลับในระยะสั้น ๆ เท่านั้น พื้นที่ด้านหลังมีให้พอประมาณไม่ได้กว้างขวางมากมายตามขนาดของรถที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก
และจากการวางแบตเตอรี่ไว้ที่ด้านหน้าและท้ายรถจึงทำให้ตำแหน่งเบาะนั่งของ Vera V1 นั่งห้อยขาได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf แม้ว่าจะมีพื้นที่ภายในกว้างกว่ามาก (เพราะขนาดรถใหญ่กว่าคนละเซกเมนต์) แต่ก็ต้องนั่งชันเข่าเนื่องจากพื้นรถสูงเพราะมีแบตเตอรี่วางอยู่ด้านล่างแม้จะได้เปรียบในเรื่องจุดศูนย์ถ่วงต่ำรวมไปถึงพื้นที่สัมภาระ ซึ่งถ้าจัดให้ Vera V1 เป็นรถไฟฟ้าใช้งานในเมืองเดินทางไม่ไกลก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก
มาถึงในส่วนของระบบส่งกำลังที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าของ Vera V1 นั้นวางไว้ที่เพลาหน้าเพื่อขับเคลื่อนสองล้อหน้าให้กำลัง 15/30 กิโลวัตต์ (Continuous แบบใช้งานต่อเนื่อง /Peak Power กำลังสูงสุดแบบชั่วคราว) สามารถทำความเร็วได้ประมาณ 100 กม./ชม. อัตราเร่ง (ความไว) นั้นหายห่วงด้วยแรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ตอบสนองแทบจะในทันทีทุกรอบความเร็ว ต่างจากรถน้ำมันที่มักจะมีแรงบิดสูงสุดในช่วงรอบเครื่องยนต์ที่แคบและจำกัดกว่ามาก และจากการที่ได้ทดลองขับในระยะสั้น ๆ ผู้โดยสาร 5 คน Vera V1 (รวมน้ำหนักตัวรถก็น่าจะมากกว่า 1.5 ตัน) ก็ให้อัตราเร่งที่ถือว่าดีมากสำหรับซิตี้คาร์คันเล็กแบบนี้
ส่วนอีกปัจจัยสำคัญของรถไฟฟ้าคือระยะทาง โดย Vera V1 นั้นวิ่งได้ไกลสูงสุด 180 กม. ต่อชาร์จ (ที่ความเร็วต่อเนื่อง 70 กม./ชม.) ซึ่งสำหรับการใช้งานจริงก็น่าจะใกล้เคียงและเพียงพอสำหรับการเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานหรือออกนอกเส้นทางไม่ไกลนัก
ถ้าพูดกันตามสถานการณ์ปัจจุบันสถานีให้บริการชาร์จไฟคงไม่ได้ครอบคลุม โดยแบตเตอรี่ของ Vera V1 ที่ใช้เป็นแบบ Li-Ion ขนาด 22 กิโลวัตต์-ชั่วโมง สามารถเสียบกับไฟบ้านที่เป็น 3 ขั้วได้เลยโดยใช้เวลาประมาณ 6 ชม. ซึ่งเป็นแบบ Normal Charge ส่วนหัวชาร์จที่เสียบกับตัวรถเป็นมาตรฐานยุโรปแบบ IEC 62196-2 Type 2 และตรงตามมาตรฐานที่ สมอ. กำหนดใช้สำหรับรถไฟฟ้าในไทยเช่นกัน
สุดท้ายคงเป็นประเด็นที่อาจต้องทำความเข้าใจอย่างมากในเรื่องราคาของ Vera V1 ที่ตั้งไว้สูงถึง 945,000 บาท นั้นคุ้มค่าสมราคากับตัวรถหรือไม่ ซึ่งทาง VERA Automotive เองก็ยอมรับว่าราคานี้ค่อนข้างสูงเกินกว่าการเป็นรถซิตี้คาร์ทั่วไปและยิ่งไม่คุ้มค่าแน่นอนหากจะให้ Vera V1 ไปเทียบกับรถน้ำมัน แต่หากพูดกันในแง่เฉพาะกลุ่มรถไฟฟ้าด้วยกัน Vera V1 นับว่าเป็นรถไฟฟ้าราคาถูกที่สุดในไทยเท่าที่มีจำหน่ายตอนนี้แล้ว
เพราะฉะนั้น Vera V1 ไม่ใช่รถที่เหมาะสำหรับคนที่รอใช้รถไฟฟ้าเพื่อประหยัดค่าน้ำมันโดยหวังจ่ายในราคาเท่ากับรถซิตี้คาร์ปกติ (เครื่องยนต์สันดาปภายใน) ที่คุณภาพเท่ากัน ซึ่งไม่มีทางหาซื้อในไทยได้ตอนนี้ ถ้าเป็นรถไฟฟ้าต้องจ่ายแพงกว่าทั้งสิ้น
แต่หากความต้องการของคุณคือการได้สัมผัสกับเทคโนโลยี (ระดับราคาถูกที่สุดในตลาด) หรือได้สนับสนุนรถยนต์แบรนด์ไทยโดยเข้าใจในกลไกต่าง ๆ ใจกว้างมากพอที่จะมองข้ามความไม่สมบูรณ์แบบไปบ้าง พร้อมเปิดโอกาสให้กับคนไทยด้วยกันเพราะว่านี่คือรถไฟฟ้าคันแรกของไทย คุณน่าจะได้รับความคุ้มค่าจาก Vera V1 แน่นอนโดยที่คุณอาจไม่จำเป็นต้องซื้อมันด้วยซ้ำหากคุณยังไม่พร้อม
คงไม่มีรถคันใดที่สมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกด้าน รถไฟฟ้าแบรนด์ไทยอย่าง Vera V1 คันนี้ก็เช่นกัน คุ้มค่าหรือไม่คงขึ้นอยู่กับว่าคุณมองจากมุมไหนและใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัววัดซึ่งแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดหรือถูก