ชูชาติ ศรีแสง ยันใช้โทรศัพท์ขณะรถติดไฟแดง ไม่ผิดกฎหมาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊ก นโยบายจับจริงจอมแชทเป็นเรื่องดี แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ยันใช้โทรศัพท์ขณะรถจอดนิ่ง-ติดไฟแดงได้

           จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการบังคับใช้มาตรการ "จับจริงจอมแชท" หยิบโทรศัพท์มาใช้ขณะขับรถมีความผิดทุกกรณี ไม่เว้นแม้แต่ตอนรถติดไฟแดง ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น (อ่านข่าว ย้ำชัด ๆ หยิบมือถือใช้ขณะขับรถผิดทุกกรณี แม้จอดติดไฟแดง คลิก) ล่าสุด (8 สิงหาคม 2557) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ และฝึกให้ผู้ขับขี่รถมีวินัยและปฏิบัติตามกฎหมายจราจร อย่างไรก็ดี การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นไปตามบัญญัติของกฎหมาย

           ทั้งนี้ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ยืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะจอดรถ คือ ถ้ารถไม่เคลื่อนที่ จอดอยู่เฉย ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ๆ เช่น รถเสีย จอดรอผู้ที่นัดกันไว้ จอดรอสัญญาณจราจร หรือการจราจรติดขัดจนต้องจอดอยู่กับที่ สามารถกระทำได้ เพราะในขณะนั้นไม่ใช่การขับขี่รถ ย่อมไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ดังนี้

           "....การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบาย จับจริง จอมแชท คือการจับกุมผู้ขับขี่รถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการป้องกันอุบัติเหตุให้แก่ผู้ขับขี่รถและผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนทุกคน รวมทั้งจะฝึกให้ผู้ขับขี่รถมีวินัยในการขับขี่รถและปฏิบัติตามกฎหมายจราจร ซึ่งจะช่วยให้การจราจรลดการติดขัดลงได้มาก

           .....ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่คงเห็นด้วย อย่างไรก็ดี การปฏิบัติงานหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเป็นตามบทบัญญัติของกฎหมาย

           .....พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 บัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ

           .....มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ ฯลฯ (28) "ผู้ขับขี่" หมายความว่า ผู้ขับรถ

           .....มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ

           .......ฯลฯ

           .......(9) ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น

           .....มาตรา 157 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (9) ฯลฯ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาทถึง 1,000 บาท

           .....เนื่องจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก ไม่ได้ให้คำนิยาม คำว่า ขับ และ ขับขี่ ไว้ จึงต้องดูความหมายจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554

           .....คำว่า ขับ หมายความว่า บังคับให้ไป, บังคับให้เคลื่อนไป เช่น ขับรถ ขับเรือ

           .....คำว่า ขับขี่ หมายความว่า สามารถบังคับเครื่องยนต์ให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ไปได้

           .....เมื่อดูบทบัญญัติของกฎหมายและพจนานุกรมแล้ว ก็สรุปได้ดังนี้

           .....ห้ามไม่ให้ผู้ที่กำลังขับขี่รถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น

           .....การขับขี่รถก็คือการบังคับเครื่องยนต์ให้ยานพาหนะ คือ รถเคลื่อนที่ไป

           .....ถ้ารถไม่เคลื่อนที่คือจอดอยู่เฉย ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ๆ เช่น รถเสีย จอดรอผู้ที่นัดกันไว้ จอดรอสัญญาณจราจร หรือการจราจรติดขัดจนต้องจอดอยู่กับที่ ย่อมไม่ใช่การขับขี่รถ

           .....การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะจอดรถ จึงสามารถกระทำได้เพราะในขณะนั้นไม่ใช่การขับขี่รถ ย่อมไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ครับ"

           งานนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไร