เชื่อว่าจุดประสงค์ของทุกท่านในการซื้อรถ คือสามารถตอบสนองในเรื่องความสะดวกสบายของการเดินทาง แน่นอนว่าในช่วงหยุดยาวอาจจะมีโอกาสได้ขับรถคู่ใจออกไปเที่ยวเติมพลังให้ชีวิตบ้าง บรรดานักขับทั้งหลายคงต้องฝ่าเส้นทางอย่างยอดดอย ยอดภูทั้งหลายเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
แต่เมื่อลุยจริง หลายคนคงเคยพบปัญหาที่เกิดขึ้น บ้างก็ได้กลิ่นไหม้ บ้างก็รู้สึกว่ารถอืดเกินไปช่วงขึ้นเขา ด้วยเหตุนี้กระปุกคาร์จึงนำ 8 เทคนิคการขับรถขึ้นเขา ที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยและลดภาระของรถยนต์ในการขึ้น-ลงเขา มาให้พิจารณากัน
- ควรใช้เกียร์ต่ำ ปรับเปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลังอย่าลากเกียร์จนหมดแรง ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ D2 (ถ้าไม่มีใช้ L) และเมื่อพ้นทางชัน ปรับเข้าเกียร์ D อย่าลากเกียร์ต่ำ เพราะเครื่องยนต์จะมีรอบสูง ทำงานหนักจนเครื่องอาจน็อคได้
- เมื่อขับลงเขาที่ลาดชัน ให้เปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มา D2 ถ้ายังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมา L แต่อย่าทำขณะฝนตกทางลื่นรถจะเสียการทรงตัว ควรดูสภาพทางเป็นหลักในการพิจารณา
- หากมีคนนั่งข้างก็ให้ช่วยดูสภาพทางเมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้ง วิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี, เข้าโค้งได้เร็ว, รถไม่ใช้กำลังมากลูกปืนล้อไม่หนักทำงาน, ยางก็ไม่ล้มตัวมากหน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาตัวอย่างเช่น เข้าโค้งขวา ก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งลงหักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่งแล้วหักพวงมาลัยมาทางขวาเพื่อทำโค้ง
- สามารถเพิ่มระยะเบรกด้วยการเลี้ยวรถไปไหล่ทางหรือมีพื้นที่ว่าง เพื่อเพิ่มระยะเบรก
- ขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานาน ๆ เมื่อถึงทางตรงลงยาว ก็ควรแตะเบรกควบคุมความเร็วไว้ตลอดห้ามปล่อยรถไหลเองเด็ดขาด หากไปแตะเบรกทีเดียวก่อนถึงโค้งอาจมีเศษหินเศษดินบริเวณนั้นบวกกับความเร็วของรถจนควบคุมไม่อยู่
- ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอยถือได้ว่าเป็นทางปราบเซียน หากไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง
รับรองว่าเทคนิคเหล่านี้มีประโยชน์แน่นอน สามารถให้ขับรถ ขึ้น-ลงเขาได้อย่างปลอดภัยและลดภาระของรถยนต์ได้อย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นในเส้นทางที่อันตรายแบบนี้ควรตั้งสติตลอดเวลาและอย่าประมาทเด็ดขาดครับ