นักขับมือใหม่ เมื่อได้ออกรถป้ายแดงก็มักมีคำถามเสมอว่าต้องดูแลรักษารถอย่างไร ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นแบบไหน ทั้งที่จริงแล้วหลังรับรถออกมาจากศูนย์ถือเป็นช่วงที่สำคัญมากที่ควรทำ "รันอิน"
รันอินคืออะไร ?รันอินคือการปรับสภาพรถให้พร้อมเพื่อใช้งานหลังจากที่ออกมาจากโรงงาน เป็นช่วงระยะไมล์ที่ 0-1000 กิโลเมตรโดยประมาณ
ทำไมต้องรันอิน ?เพราะพึ่งออกมาจากโรงงาน ชิ้นส่วนกลไกอาจยัง ฝืด ๆ ขัด ๆ ไม่เข้าที่เข้าทาง น้ำมันเครื่องยังไม่เคลือบกระบอกสูบเต็มที่ ฯลฯ
รันอินแล้วดีจริงหรือ ?หลายท่านมักคิดว่ารถยนต์สมัยนี้ไม่ต้องมีระยะรันอิน เพราะระบบเครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ พัฒนากันไปไกล หรือบ้างก็ว่า มีการรันอินมาพร้อมแล้วจากโรงงานเพราะก่อนส่งรถออกมามีการตรวจสภาพรถ
แต่ถ้าหากติดตามข่าวสารวงการรถยนต์มา ท่านคงเคยได้ยินข่าวรถยนต์ป้ายแดงพัง ดับกลางสี่แยกมาบ้าง เรื่องเหล่านี้คงเป็นคำตอบได้อย่างดี
ซึ่งการรันอินก็ไม่ได้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายสักเท่าไหร่ หากทำได้มีแต่ก่อผลดีกับรถอย่างคุ้มค่า เพราะฉะนั้นลองมาดูวิธีการดูแลรถในระยะรันอินกันดีกว่า ว่ายากเกินไปที่จะทำหรือไม่
ในการสตาร์ทครั้งแรกหลังจากจอดรถมาเกินกว่า 6 ชั่วโมง อย่าเหยียบคันเร่งหลังเครื่องยนต์ติด ไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ ต้องดับหมด ควรรอต่อสัก 10-15 วินาที ก่อนออกรถเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ทำงาน และไม่เปิดแอร์โดยทันที ควรเคลื่อนรถให้วิ่งก่อนสัก 2-3 นาที จึงเปิดแอร์ ไม่ควรขับโดยใช้รอบเดินเครื่องสูงกว่า 4,000 รอบต่อวินาที ในการเดินทางไกล ไม่ควรใช้ความเร็วรอบคงที่ติดต่อกันเกิน 5 นาที ควรเปลี่ยนใช้ความเร็วรอบเครื่องที่ต่าง ๆ กันแต่อย่าให้เกิน 4,000 รอบต่อนาที หลังจากการเดินทางไกล ก่อนดับเครื่องควรปล่อยให้เครื่องเดินเบาก่อนสัก 10-15 วินาที จึงดับเครื่อง และอย่าเร่งเครื่องก่อนดับ เพราะจะทำให้น้ำมันเบนซินไปค้างที่หัวลูกกระบอกสูบชะล้างเอาน้ำมันหล่อลื่นที่แหวนลูกสูบออก จะทำให้เกิดความเสียหายได้ อย่าเติมหัวเชื้อน้ำมัน ลงในเครื่องยนต์เพราะเครื่องยนต์ช่วงนี้ยังต้องการให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้เสียดสีกัน หมั่นเช็คระดับน้ำมันเครื่องและน้ำในหม้อน้ำทุก ๆ สัปดาห์
ให้ยกเท้าจากคันคลัตช์เมื่อไม่ได้ใช้งาน ไม่ควรเหยียบคลัตช์แช่ไว้ควรเข้าเกียร์ว่าง อย่าใช้คลัตช์แทนเบรกในการชะลอรถ ยกเว้นกรณีที่ขับรถลงเนินหรือเขา
อย่าเพิ่มหัวเชื้อน้ำมันใด ๆ ลงในห้องเกียร์จนกว่าจะพ้นระยะรันอิน ในการเปลี่ยนจากเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์ถอยหลัง หรือในทางกลับกัน ต้องให้รถหยุดสนิทเสียก่อน ในการเข้าเกียร์ถอยหลัง หลังจากเหยียบคลัตช์จนสุดแล้ว ให้รอถึง 2-3 วินาทีเพื่อให้ราวเกียร์หยุดสนิทจึงค่อยเข้าเกียร์ถอยหลัง ในการขับทางไกลควรพักรถประมาณ 5 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการลดความร้อนห้องเกียร์และเฟืองท้าย
ในขณะที่เข้าเกียร์จากเกียร์ว่างเป็นเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง ควรเหยียบเบรกให้รถหยุดสนิท และเร่งเครื่องช้า ๆ หลังจากเข้าเกียร์แล้ว อย่าเข้าเกียร์ว่างขณะรถเคลื่อนที่ เพราะอาจจะทำให้ระบบเกียร์เสียหายเนื่องจากไม่มีน้ำมันความดันสูง
อย่าใช้เบรกอย่างรุนแรงถ้าไม่จำเป็น อย่าเบรกโดยการปั๊มเบรก ควรพักเบรกเป็นระยะ ๆ ถ้าใช้งานติดต่อกัน เช่นการลงเขา ควรยกเท้าออกสัก 1 วินาที หลังจากทุก 10 วินาที ถ้าพบว่ามีเบรกมีประสิทธิภาพต่ำลงมาก ควรจอดรถทันทีห้ามดึงมือเบรก เพราะในขณะนี้จานเบรกจะร้อนและขยายตัว ถ้าดึงมือเบรกค้างไว้เมื่อจานเบรกเย็นจะหดตัวและรัดผ้าเบรกจนปลดเบรกมือไม่ได้ ในการลงเขานั้น ควรใช้การเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ต่ำช่วย ควรใช้เบรกมืออย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้เบรกมือเป็นการปรับระยะของผ้าเบรก ตรวจดูเบรกมือให้ปลดลงสุดก่อนการออกรถ ในการปลดเบรกหรือดึงเบรกมือควรกดปุ่มที่ปลายเพื่อป้องกันเฟืองสึกหรอ ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเบรกทุก ๆ สัปดาห์
อย่าหมุนพวงมาลัยขณะรถอยู่กับที่ อย่าขับรถข้ามทางรถไฟ หรือทางที่เป็นหลุม บ่อ เกินความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่าบรรทุกของเกินพิกัดที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือ หมั่นตรวจลมยางทุก ๆ 2 สัปดาห์ และก่อนเดินทางไกล
ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นของแบตเตอรี่ทุก ๆ สัปดาห์ ระวังอย่าเติมน้ำกลั่นจนเกินกำหนด อย่าสตาร์ทเครื่องซ้ำขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ไล่ฝ้ากระจกหลัง กระจกไฟฟ้า หรืออื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ หมั่นสังเกตไฟเตือน และเกจวัดต่าง ๆ ว่าทำงานผิดปกติหรือไม่
อย่าจอดรถใต้ต้นไม้ เพราะนอกจากนกจะถ่ายรดแล้วยางของไม้ยังเป็นตัวการทำลายสีรถ แต่ก็ควรอยู่ในที่ร่มอื่น ๆ ในการปิดประตู อย่ากระแทกประตูแรง ๆ ควรใช้การดึงหรือดันเข้า ไม่ควรจอดรถทิ้งหลังจากล้างเสร็จใหม่ ๆ ควรออกวิ่งเพื่อให้น้ำที่ขังตามซอกมุมต่าง ๆ แห้งสนิทเมื่อถึงระยะ 1,000 กิโลเมตร ให้ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองทิ้งท้าย เพื่อเอาเศษสกปรกที่หลุดจากชิ้นส่วนต่าง ๆ และปะปนอยู่ในน้ำมันออก (แม้ศูนย์บริการจะไม่ระบุไว้ก็ตาม)
อาจจะดูเยอะและวุ่นวาย ก็ลองคิดดูสักนิดว่ารถของเราราคาเท่าไหร่ คุ้มค่าไหมกับการที่จะดูแลเอาใจใส่แต่เริ่มต้นแต่ถ้าใครยังยืนยันว่ายากเอาการอยู่ ก็ขอนำเสนอวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
อย่าขับเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่าเร่งเครื่องอย่างรุนแรง หรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเกินกว่า 4000 รอบ/นาที หมั่นเปลี่ยนระดับความเร็ว อย่าขับความเร็วคงที่นานเกินไป อย่าเบรกกะทันหัน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+กรองน้ำมันเครื่องเมื่อครบ 1,000 กิโล5 ข้อนี้เป็นวิธีการเบื้องต้นชนิดที่ว่าง่าย ๆ สุดแล้วแม้แต่คุณผู้หญิงก็ทำได้ไม่ยาก เชื่อเถอะครับว่า "เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" :)
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wenx , wikihow ,forums.bimmerforums , carsut เเละ thaimazda2
