และรถไฟฟ้า Tama Electric Car เมื่อ 70 ปี ที่แล้วคือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า Nissan เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่มีเทคนิคล้ำหน้ามาตั้งแต่อดีต (ซึ่งก่อนยุค 60 คำว่า "เทคโนโลยี" ยังไม่มีให้เรียกขานกัน) และความสำเร็จของ Nissan Leaf นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะฉะนั้นแล้ว Nissan Leaf 2017 ใหม่ จึงเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การรอคอยไม่แพ้ Tesla Model 3 เช่นกันด้วยราคาที่คาดว่าจะจับต้องได้ง่ายกว่าพอสมควร
Tama Electric Car ของ Nissan (ถ้าเรานับว่า Nissan Skyline เป็นผลงานของ Nissan แล้วล่ะก็จะคิดว่า Tama Electric Car เป็นผลงานของ Nissan ก็ใช่) ถูกสร้างขึ้นในปี 1947 หรือ 70 ปี ก่อน เป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาวะคลาดแคลนอย่างหนัก ทั้งที่เกิดจากสงครามและการเป็นผู้แพ้สงคราม ส่งผลให้น้ำมันนั้นเป็นของมีค่าราคาแพงจนรัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีการผลิตรถไฟฟ้าเกิดขึ้น Tachikawa Aircraft ซึ่งเดิมเป็นผู้ผลิตเครื่องบินจึงได้เปลี่ยนมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแทนและก็ประสบความสำเร็จ โดยตั้งชื่อให้กับรถรุ่นนี้ว่า Tama ซึ่งกลายเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (มีทั้งแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและน้ำมันเบนซิน) อีกทั้งยังถูกใช้เป็นรับ-ส่งสาธารณะ (Taxi) อย่างแพร่หลายในยุคนั้นด้วย
ภายหลัง Tachikawa Aircraft ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Tama Car Co., และสุดท้ายเปลี่ยนเป็น Prince Motor Co., Ltd. ผู้ให้กำเนิด Prince Skyline ก่อนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของ Nissan และส่งให้ Nissan Skyline กลายเป็นที่จดจำด้วยเวอร์ชั่นแรงอย่าง GT-R (KPGC-10) จากความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ของ Prince ไปในที่สุด โดย Tama Electric Car นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 ประตู 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 3.3 กิโลวัตต์ (ประมาณ 4.5 แรงม้า) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 35 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางไกล 65 กม. (ขณะที่ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าวิ่งได้ไกลเกินกว่า 90 กม.) ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ส่วนแบตเตอรี่ที่ใช้ในยุคนั้นยังเป็นแบบตะกั่วกรด (Lead-acid Battery 40V/162Ah) ซึ่งก็เหมือนแบตเตอรี่ในรถยนต์ปกติ โดยออกแบบให้ติดตั้งไว้ใต้พื้นด้านข้างตัวรถ เพื่อให้ง่ายต่อการสลับหมุนเวียนเอาแบตเตอรี่อันใหม่ที่ไฟเต็มไปใช้แทนได้ก่อนไม่ต้องรอชาร์จ (ซึ่งยุคนั้นน่าจะต้องใช้เวลานานพอสมควร)
ขณะที่ All-new Nissan Leaf 2018 ใหม่ คาดว่าจะมีพละกำลังเท่ากับ Nissan Leaf รุ่นก่อนหน้า ซึ่งให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า และแรงบิด 253 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดิม แต่ความแตกต่างอาจอยู่ที่สามารถชาร์จไฟได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงอาจจะมีแพ็กแบตเตอรี่ให้เลือกตั้งแต่ 40-60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า All-new Nissan Leaf 2018 ใหม่ นั้นจะวิ่งได้ระยะทางมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ (ProPilot self-driving technology) เพื่อความปลอดภัยมาให้ด้วย เป็นต้น ส่วนรายละเอียดทางด้านเทคนิคอย่างเป็นทางการของ Nissan Leaf 2018 ใหม่ จะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอให้ทาง Nissan เปิดเผยกันอีกที
สำหรับรูปร่างหน้าตาของ Nissan Leaf 2018 ใหม่ อย่างเป็นทางการนั้น Nissan เปิดเผยให้เห็นแค่เฉพาะโคมไฟหน้าบางส่วน แต่จากภาพรถทดสอบที่ถูกอำพรางสัดส่วนไว้ก็พอยืนยันได้ว่าจะมีดีไซน์ที่แปลกตาน้อยลงและเข้ากับรสนิยมคนทั่วไปหรือพูดง่าย ๆ ว่าเหมือนรถปกติมากขึ้น โดยมีกำหนดเปิดตัวปลายปีนี้แน่นอน ส่วนไทยหลังการประกาศปรับลดภาษีของกระทรวงการคลังเรียกว่างานนี้มีลุ้น !?
ภาพจาก Nissan และ Caranddriver