x close

Ford ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ EcoBlue แรงประหยัด คาด Ranger และ Everest ได้ใช้ด้วย

EcoBlue 2.0

           ฟอร์ด (Ford) เปิดตัวขุมพลังดีเซลใหม่ล่าสุดอีโคบลู (EcoBlue) 2.0 ลิตร เทอร์โบ แรง เงียบ สะอาด และประหยัดกว่าเครื่อง Duratorq 2.2 ลิตร และอาจมีโอกาสเป็นขุมพลังใหม่สำหรับ Ford Ranger และ Everest ของไทยด้วย
 
           ฟอร์ด (Ford) เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด EcoBlue 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ทั้งแรง เงียบ สะอาดและประหยัด ซึ่งจะนำมาประจำการในรถเชิงพาณิชย์และรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ของ Ford ทั่วโลก เช่น Ford Transit และน่าจะรวมถึง Ford Ranger กับ Everest แทนเครื่องยนต์ Duratorq 4 สูบ ขนาดความจุ 2.2 ลิตร เทอร์โบ รุ่นปัจจุบัน
EcoBlue 2.0
 
           ทั้งนี้เครื่องยนต์ EcoBlue 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใหม่ล่าสุดจะได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในขณะที่ปล่อยมลพิษอย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) น้อยลงจนสามารถผ่านมาตรฐานไอเสียในระดับ EURO6 ที่กำหนดให้ค่าไนโตรเจนออกไซด์ลดลงถึง 55% จาก EURO5

EcoBlue 2.0
 
           นอกจากนี้พื้นฐานของเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 2.0 ลิตร เทอร์โบ ยังมีสมรรถนะที่ดีและทำงานได้ราบรื่น สามารถผลิตกำลังได้ตั้งแต่ระดับ 105 แรงม้า 130 แรงม้า 170 แรงม้า และสูงสุดไปจนถึง 240 แรงม้า สำหรับรถในแต่ละรุ่น ซึ่งปัจจุบันเครื่องยนต์ Duratorq ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ ใน Ford Ranger และ Everest ที่จำหน่ายในไทยให้กำลังสูงสุดที่ 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที และแรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที เท่านั้น
 
เครื่องยนต์ Duratorq 2.2 ลิตร TDCi
เครื่องยนต์ Duratorq 2.2 ลิตร TDCi
 
           เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใหม่นี้จะให้แรงบิดที่มากกว่าเครื่องยนต์ Duratorq 2.2 ลิตร TDCi ถึง 20% ในรอบต่ำกว่าที่ 1,250 รอบ/นาที (แต่แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ EcoBlue 2.0 ลิตร จะเหลือเพียง 340 นิวตันเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับรถเชิงพาณิชย์ที่ต้องเจอกับสภาวะการใช้งานหนัก

           นอกจากนี้ในรอบเดินเบายังทำงานได้เงียบสงบด้วยความดังเพียง 4 เดซิเบล ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างการลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการนำอากาศเข้าเครื่องยนต์ด้วยเทอร์โบแรงเฉื่อยต่ำร่วมกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูงที่ละเอียดแม่นยำและเงียบสงบกว่า
 
เครื่องยนต์ EcoBlue 2.0 ลิตร
เครื่องยนต์ EcoBlue 2.0 ลิตร

           โดยเครื่องยนต์ดีเซล Ecoblue ขนาด 2.0 ลิตร ใหม่ จะประกอบไปด้วยนวัตกรรมใหม่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลัก ๆ ที่ทำให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเครื่อง Duratorq 2.2 ลิตร TDCi เทอร์โบดังนี้
 
           - ตำแหน่งข้อเหวี่ยงออกแบบให้เยื้องศูนย์จากแกนเพลาเพียง 10 มม. เพื่อลดภาระและแรงเสียดทานระหว่างผิวลูกสูบกับกระบอกสูบ (เนื่องจากก้านสูบจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงในแนวตั้งฉากมากขึ้น ส่งผลให้มีแรงเหวี่ยงไปกดลูกสูบติดกระบอกสูบน้อยลง)
 
           - ลดขนาดพื้นที่หน้าตัดรองลื่นก้านสูบ (แบริ่งก้านสูบ) เพื่อลดแรงเสียดทาน
 
           - สายพานแบบ Belt-in-oil ที่ออกแบบมาสำหรับเพลาข้อเหวี่ยงและปั๊มน้ำมันเครื่อง
 
           - เพิ่มประสิทธิภาพชุดการทำงานของวาล์ว และโมดูลเพลาลูกเบี้ยวใหม่เป็นแบบชิ้นเดียว
 
           - ท่อร่วมไอดีถูกผสานเข้ากับห้องเผาไหม้และควบคุมอากาศให้ไหลเข้าสู่กระบอกสูบได้อย่างแม่นยำด้วยทิศทางการไหลของอากาศเข้ากระบอกสูบที่ 1 และ 2 ตามเข็มนาฬิกา ในขณะที่กระบอกสูบที่ 3 และ 4 จะเป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา
 
           ด้วยวิธีการนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าการผสมเชื้อเพลิงกับอากาศในห้องเผาไหม้ทั้ง 4 กระบอกสูบเที่ยงตรง ซึ่งช่วยให้ในขั้นตอนการทดสอบเพื่อปรับแต่งของวิศวกรสามารถควบคุมการเผาไหม้โดยคอมพิวเตอร์ด้วยตัวแปรได้มากกว่า 1,400 รูปแบบเพื่อสมรรถนะที่ดีที่สุด และใช้เชื้อเพลิงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลทุกเครื่องที่เคยมีมาของฟอร์ดทั้งหมด

           - ระบบหัวฉีดใหม่นั้นมีรูทรงกรวยขนาดเล็กถึง 120 ไมครอน หรือเท่ากับเส้นผมคนเราอยู่ทั้งหมด 8 ช่อง สามารถฉีดเชื้อเพลิงได้เกินกว่า 6 ครั้งภายใน 0.00025 วินาที ต่อการสันดาปหนึ่งครั้งด้วยปริมาณเชื้อเพลิงอันน้อยนิดเพียง 0.8 มิลลิกรัมเท่านั้น
 
           - เทอร์โบแบบใหม่ขนาดเล็กได้รับการออกแบบใบพัดมาเป็นพิเศษตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำจากวัสดุอย่างซูเปอร์อัลลอยที่เรียกว่า อินโคเนล (Inconel) ทนอุณหภูมิได้สูง เพื่อลดแรงเฉื่อยรวมถึงให้สมรรถนะได้รวดเร็วกว่าด้วยรอบการหมุนสูงสุด 240,000 รอบ/นาที จึงสามารถอัดอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ที่รอบต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ Duratorq 2.2 ลิตร TDCi ซึ่งสร้างแรงบิดได้สูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 1,250 รอบ/นาที
          
           ส่วนทางด้านความทนทานนั้นเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใหม่ของ Ford ได้ทำการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์เทียบเท่ากับระยะทาง 5.5 ล้านกิโลเมตร รวมถึงการใช้งานจริงสุดโหดมาแล้วทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในยุโรป สหรัฐอเมริกาและจีนอีกกว่า 400,000 กิโลเมตร ซึ่งก็น่าจะพอทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ในเรื่องของความทนทานของเครื่องยนต์ตัวใหม่ได้เป็นอย่างดี

           ทั้งนี้คาดว่าเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 2.0 ลิตร ใหม่ ของ Ford น่าจะมีโอกาสได้มาประจำการใต้ฝากระโปรงของ Ford Ranger และ Everest แทนขุมพลังเดิมในอนาคตด้วยเช่นกัน
 
ภาพจาก Ford


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Ford ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ EcoBlue แรงประหยัด คาด Ranger และ Everest ได้ใช้ด้วย อัปเดตล่าสุด 3 พฤษภาคม 2559 เวลา 15:50:24 23,769 อ่าน
TOP