Clean diesel โลกใหม่สำหรับรถในเมือง

Clean diesel โลกใหม่สำหรับรถในเมือง

           ในอดีตถ้าเอ่ยถึงเครื่องยนต์ดีเซลแล้วละก็มักจะถูกผู้ใช้รถยนต์ มองว่า เป็นมวยรองบ่อน ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากปัญหาทางเทคนิคของระบบวิศวกรรมที่เทคโนโลยียุคนั้นยังตามไม่ทันทำให้เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์ที่อืด รอรอบ และปล่อยมลพิษและควันดำ

           แต่เรื่องราวเหล่านั้น กลายเป็นเรื่องเก่าตกเฟรมไปแล้วเมื่อวิทยาการยุคใหม่ได้สร้างเครื่องยนต์คลีนดีเซลที่ทรงพลัง ประหยัด และที่สำคัญสะอาดเป็นมิตรกับโลกด้วย เริ่มจากการที่วิศวกรผู้ออกแบบในยุคหลังได้พัฒนาระบบการจุดระเบิดใหม่ให้กับดีเซลด้วยการนำ ระบบคอมมอนเรล ไดเรกอินเจกชั่น (Common rail Direct Injection)  หรือระบบจ่ายน้ำมันแบบรางร่วม ซึ่งเป็นระบบจ่ายน้ำมันที่ใช้ปั๊มแรงดันสูงที่สามารถฉีดเชื้อเพลิงได้เป็นฝอยละเอียดมาก จากเดิมที่เคยสร้างแรงดันได้แค่ 120 -250 บาร์ ( 120-250 เท่าของแรงดันบรรยากาศปกติ) ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลปัจจุบันบางรุ่นสามารถสร้างแรงดันได้ถึง 2,000 บาร์ ซึ่งควบคุมการฉีดน้ำมันด้วยระบบสมองกลอิเล็กโทรนิกส์ ทำให้ละอองของน้ำมันดีเซลจุดระเบิดได้ไวขึ้น เผาไหม้หมดจด

           ยิ่งเมื่อนำระบบคอมมอนเรล ไดเรกอินเจกชั่น มาผนวกรวมกับระบบเทอร์โบแปรผัน (Variable Nozzle Turbine) ซึ่งมีหน้าที่นำไอเสียของเครื่องยนต์กลับมาสร้างแรงอัดอากาศ ช่วยเพิ่มการนำไอดีเข้าไปในห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น ทุกช่วงความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ เครื่องยนต์ดีเซลที่มีอัตราเร่งดี กระฉับกระเฉง ขับสนุกไม่ต้องรอรอบ เพราะให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบการทำงานต่ำ ประหยัดพลังงาน รวมถึงปล่อยมลพิษต่ำกว่าเดิมมาก การที่เราจะพบเห็นเครื่องยนต์ดีเซลในยุคใหม่มีแรงม้าระดับ 100-200 แรงม้า(พอ ๆ กับรถสปอร์ต) แถมมีแรงบิดมหาศาลเท่ากับรถยนต์เบนซินเครื่อง 6-8 สูบนั้นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

           ปัจจุบันระบบคอมมอนเรลดีเซลนั้นได้รับความนิยมในยุโรปมาก แม้จะเป็นกลุ่มประเทศที่มีกฏหมายมลพิษเข้มงวดแต่เครื่องยนต์ดีเซลก็สอบผ่านมาได้สบาย  ผู้ผลิตหลายรายต่างพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของตนในชื่อแตกต่างกันไป เช่น TDI (Volkswagen), TDI® clean diesel (Audi), Diesel Bluetec (Mercedes-Benz), Effiecient Dynamic Diesel (BMW) แต่ไม่ว่าจะเรียกต่างกันอย่างไรก็ล้วนแต่สร้างมาบนหลักการพื้นฐานเดียวกัน

           ในเมืองไทยก็ถือว่าเป็นโอกาสดีทีเดียว ที่ปัจจุบันนี้ กำลังจะมีการนำเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพสูงมาอยู่ในรถเก๋งระดับอีโคคาร์ โดยค่ายมาสด้าจะเป็นเจ้าแรกที่นำเครื่องยนต์นี้มาใช้ในประเทศไทย โดยใช้ขุมพลังที่ชื่อ SKYACTIV Diesel Turbo มาติดตั้งในรถมาสด้า2 รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการยกระดับรถอีโคคาร์ให้ขึ้นชั้นพรีเมียมเลยทีเดียว

           เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1500 ซีซี ของมาสด้าเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแรงดันสูงแบบคอมมอนเรล ไดเรกอินเจกชั่น สำหรับระบบอัดอากาศใช้เทอร์โบแปรผันแบบ Turbocharger Variable Turbine Geometry พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ที่ช่วยอุณหภูมิไอดีก่อนเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยี SKYACTIV ที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูงใน Mazda CX-5  มีพละกำลังถึง 105 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดมากถึง 250 นิวตันเมตร และมีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 100 กรัมต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตร ที่สำคัญที่สุดคือ เครื่องยนต์ตัวนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐานยุโรป อยู่ที่ 26.3 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งทำให้มันผ่านมาตรฐานของการเป็นรถอีโคคาร์เฟสสองไปได้แบบสบาย ๆ ยิ่งเมื่อถูกนำมาจับคู่กับด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV Drive 6 สปีด ทำให้ NEW MAZDA2 SKYACTIV เป็นรถที่ประหยัด แรงแต่ขับสนุกไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ ZOOM ZOOM เลยจริง ๆ

Clean diesel โลกใหม่สำหรับรถในเมือง




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Clean diesel โลกใหม่สำหรับรถในเมือง อัปเดตล่าสุด 9 สิงหาคม 2564 เวลา 17:00:29 3,575 อ่าน
TOP
x close