เมาแล้วขับระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต้องไม่เกินเท่าไร หากฝ่าฝืนหรือยังดื้อไม่ยอมเป่าเพื่อตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมีความผิดอย่างไรบ้าง
สายดื่ม สายปาร์ตี้ต้องรู้ ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินเท่าไรห้ามขับรถ ดื่มได้แค่ไหนไม่ให้เกินลิมิตหากต้องขับขี่รถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ หากพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือไม่ยอมเป่าเพื่อตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด จะมีโทษอย่างไรบ้าง
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกินเท่าไหร่ห้ามขับรถ
-
ผู้ขับขี่อายุเกิน 20 ปี มีใบขับขี่ตลอดชีพหรือ 5 ปี ห้ามเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
-
ผู้ขับขี่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
-
ผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถชั่วคราว ห้ามเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
หากตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะถือว่ามีความผิดฐาน "เมาแล้วขับ" มีโทษดังนี้
-
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-
และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบขับขี่
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
-
จำคุก 1-5 ปี
-
และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท
-
และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบขับขี่
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
-
จำคุก 2-6 ปี
-
และปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท
-
และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
-
จำคุก 3-10 ปี
-
และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท
-
และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
กรณีปฏิเสธการเป่าวัดแอลกอฮอล์จะถือว่าเมาแล้วขับ
-
มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
-
ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท
-
ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน
-
ศาลอาจสั่งพักใบอนุญาตขับรถ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
-
และสามารถยึดรถไว้ไม่เกิน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เมื่อต้องขับขี่ยานพาหนะ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรให้ผู้อื่นที่ไม่ดื่มมาช่วยขับแทน หรือเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะจะดีกว่า เพราะเมาแล้วขับอาจทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน่ารู้รถยนต์
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงยุติธรรม