ใบปัดน้ำฝนยี่ห้อไหนดี พร้อมวิธีเลือกซื้อให้ถูกรุ่น
ใบปัดน้ำฝน เลือกซื้อยังไงดี หรือมียี่ห้อไหนน่าสนใจบ้าง วันนี้มีคำตอบ ! พร้อมเคล็ดลับการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

หากพูดถึงหนึ่งในสิ่งจำเป็นของการขับรถบนท้องถนน "ใบปัดน้ำฝน" เห็นจะเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถละเลยได้ เพราะนอกจากจะช่วยคอยปัดน้ำฝนบนกระจกรถ เพื่อเปิดทางให้เรามองเห็นได้ชัดเจนแล้ว ยังสามารถใช้ปัดฝุ่นหรือคราบต่าง ๆ เพื่อทำความสะอาดกระจกรถได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากมันเก่าหรือชำรุดก็ควรต้องเปลี่ยนใหม่ แต่จะเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนยังไงดี และมียี่ห้อไหนให้เลือกบ้าง นั่นยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนสงสัย
วิธีเลือกใบปัดน้ำฝน
ในการเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนนั้น ควรใช้รุ่นที่ผลิตจากวัสดุและเนื้อยางที่มีคุณภาพดี มีความยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างคงทน โครงของใบปัดน้ำฝนก็ควรทำจากโลหะ เพื่อป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะขับรถด้วยความเร็วสูง และช่วยเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำจากกระจก รวมทั้งควรเลือกที่ปัดน้ำฝนที่มีขนาดมาตรฐาน ตรงกับรุ่นที่รถกำหนด เพราะหากใบปัดน้ำฝนมีขนาดเล็กเกินไป จะทำให้รัศมีในการปัดน้ำฝนน้อยลง ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง แต่ถ้าใบปัดน้ำฝนมีขนาดใหญ่มากไป ใบปัดจะเลยขอบกระจก ทำให้มีอายุการใช้งานสั้นลง นอกจากนี้ยางใบปัดน้ำฝนควรแนบสนิทกับกระบังลมหน้า-หลัง และมีขนาดพอดีกับก้านใบปัดน้ำฝนนั่นเอง
วิธีดูขนาดใบปัดน้ำฝน
เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นจะมีขนาดใบปัดน้ำฝนที่แตกต่างกันออกไป จึงควรตรวจเช็กดูว่ารถยนต์รุ่นที่ขับอยู่ใช้ใบปัดน้ำฝนแบบไหน ขนาดเบอร์อะไร โดยสามารถเช็กได้จากสเปกของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ หรือวัดความยาวของอันเก่าที่เคยใช้ จากนั้นนำไปเทียบดูกับข้อมูลที่ระบุบนกล่องใบปัดน้ำฝนใหม่ว่าทำมาสำหรับรถรุ่นอะไร มีความยาวกี่นิ้ว นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่าจะนำมาใช้กับฝั่งคนขับหรือฝั่งคนนั่ง เพราะใบปัดน้ำฝนของทั้งสองฝั่งมักจะใช้ขนาดที่แตกต่างกัน ถ้าหากซื้อมาผิดขนาดหรือผิดรุ่นก็อาจใช้ด้วยกันไม่ได้
ใบปัดน้ำฝน ควรเปลี่ยนตอนไหน
เราจะรู้ได้ว่าใบปัดน้ำฝนเริ่มเสื่อมสภาพและถึงเวลาควรเปลี่ยนก็ต่อเมื่อ ใบปัดเริ่มฝืด สะดุด มีเสียงดัง ปัดน้ำฝนได้ไม่ทั่ว มีคราบหรือรอยน้ำเป็นเส้นยาวเหลือบนกระจก ซึ่งทำให้ปัดแล้วยังมองเห็นกระจกได้ไม่ชัดเจน โดยสามารถอ่านวิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเพิ่มเติมได้ที่ : วิธีเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก
ใบปัดน้ำฝน ยี่ห้อไหนดี
1. 3M ใบปัดน้ำฝน รุ่นก้านสแตนเลส ราคา 159 บาท
ใบปัดน้ำฝนรุ่นก้านสแตนเลสของ 3M รุ่นนี้ทำจากเนื้อยางคุณภาพสูง ทนต่อความร้อนและแสง UV มีอายุการใช้งานยาวนาน ก้านทำจากสแตนเลส สามารถป้องกันสนิมได้ โครงสร้างออกแบบให้ยางแนบติดกับกระจกได้สม่ำเสมอทั่วทั้งตัวก้าน

ภาพจาก : 3m.co.th
2. Fil Aero WR-09 ราคา 290 บาท
ใบปัดน้ำฝนกระจกหน้ายี่ห้อ Fil ที่เคลมว่าปัดได้ถึง 1 ล้านครั้ง หุ้มด้วยยาง ไม่มีรอยต่อ ป้องกันก้านทะลุ ทำจากวัสดุสังเคราะห์พิเศษ ใช้แล้วไม่ต้องกลัวกระจกเป็นรอยเลย ตัวใบเป็นแบบ Aero Dynamic สามารถลู่ลมได้ดี แนบสนิทกับกระจก พร้อมระบบล็อก 2 ชั้น มีฐานกว้าง รับแรงต้านลมได้ดี

ภาพจาก : fil.co.th
3. Borsh AeroTwin ราคา 290 บาท
ใบปัดน้ำฝน Borsh รุ่น AeroTwin เป็นแบบหุ้มด้วยยางและเคลือบกราไฟท์ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ถูกออกแบบมาให้แนบสนิทกับกระจกรถ สามารถปัดน้ำฝนได้สม่ำเสมอ ไร้รอยคราบหลังการปัด

ภาพจาก : boschautoparts.com
4. Valeo Hybrid First ราคา 390 บาท
ใบปัดน้ำฝนจากแบรนด์ฝรั่งเศส ดีไซน์ผสมผสานระหว่างแบบโครงเหล็กและไร้โครง มีการเพิ่มโครงสปอยเลอร์เพื่อเพิ่มแรงกดให้แนบสนิทกับกระจกรถ แรงกดกระจายเท่ากันทั้งใบ ยางใบปัดน้ำฝนมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่ออากาศร้อนได้ดี โดยมีตัวล็อกเป็นแบบ Universal Adapter ที่สามารถติดตั้งได้ง่าย

ภาพจาก : valeoservice.com
5. Michelin Hydroedge Hybrid Wiper ราคา 450 บาท
ใบปัดน้ำฝนมิชลินแบบ Hybrid ที่มีการออกแบบให้ก้านปัดน้ำฝนสามารถปรับแนบสนิทกับความโค้งของกระจกรถได้ และไม่เกิดเสียงเวลาปัด มีความแข็งแรงทนทานในทุกสภาพอากาศ พร้อมระบบตัวเชื่อม EZ Lok ที่สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว

ภาพจาก : michelin-lifestyle.com
การใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ นอกจากจะไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้สะอาดแล้ว ยังส่งผลให้กระจกหน้ารถเป็นรอยอีกด้วย โดยเฉพาะการขับรถในช่วงที่ฝนตกหนัก ทำให้มีทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นเราจึงควรตรวจเช็กและเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
boschautoparts.com, valeoservice.com, au.michelin-lifestyle.com