ถ้ารถของคุณมีอาการกระตุก หรือเครื่องเดินสะดุด ไมว่าจะเกิดระหว่างเร่งเครื่อง เข้าเกียร์ เหยียบเบรก หรือตอนจอด ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะอาการกระตุกของตัวรถ จะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
รถยนต์ ในปัจจุบันมีความซับซ้อนในเรื่องเครื่องยนต์กลไกและระบบการใช้งานต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่หลายคนต้องทำความเข้าใจและหมั่นสังเกตอาการผิดปกติเบื้องต้นที่อาจเกิดขึ้นกับรถของตัวเองได้ เพราะเมื่อใช้งานไปเป็นเวลานาน สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ความเสื่อมสภาพของชุดอุปกรณ์หรืออะไหล่บางชิ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับรถของเรา รวมถึงอาการ "รถกระตุก" ที่หลายคนอาจเคยเจอนั่นเอง
รถกระตุกเกิดจากอะไร
เชื่อว่าผู้ขับขี่บางท่านคงเคยประสบปัญหาขณะขับรถ เช่น พอเริ่มเบาเครื่องชะลอความเร็วลง รอบเครื่องตก เครื่องยนต์ก็เกิดอาการกระตุกและสะดุด เหมือนจะดับ หรือตอนกำลังออกรถแล้วรู้สึกว่ารถกระตุก ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
1. ปลั๊กหัวเทียนหลวม
ปลั๊กหัวเทียนหลวม จะเป็นสาเหตุแรก ๆ ที่ทำให้รถเกิดอาการกระตุก หรือเครื่องสะดุด เพราะถ้าเสียบไม่แน่น จะทำให้เกิดกระแสไฟไม่สม่ำเสมอ จนหัวเทียนไม่มีไฟไปจุดระเบิดในแต่ละรอบของลูกสูบ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้โดยการขยับเสียบปลั๊กหัวเทียนให้แน่น แต่ถ้าไม่แน่นเพราะปลายสายเป็นโลหะ ให้ใช้คีมบีบเพื่อให้ตัวโลหะล็อกแน่นขึ้น และถ้าเกิดตรวจเช็กดูแล้วว่าสายหรือบริเวณปลั๊กหัวเทียนขาดชำรุด สามารถแก้ไขด้วยการเอาเทปพันสายไฟ พันรอบปลั๊กหัวเทียนหรือสายให้แน่นหนาสัก 2 รอบ จากนั้นลองสตาร์ตดูว่าเครื่องติดหรือไม่ หากใช้งานได้ปกติควรนำเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อทำการปรับเปลี่ยนใส่ของใหม่ และเพื่อความมั่นในใจการขับขี่ครั้งหน้า
2. หัวเทียนเสื่อมสภาพ
หัวเทียนเสื่อมสภาพ หรือที่เรียกกันว่าหัวเทียนบอด ซึ่งเมื่อหัวเทียนเสื่อมสภาพนั้น อย่างแรกจะเกิดอาการสตาร์ตไม่ติดหรือติดยาก และเมื่อสตาร์ตติดแล้วเดินเครื่องไปสักระยะ เครื่องยนต์จะมีอาการสั่น กระตุก อืด เร่งไม่ขึ้น นั่นเป็นเพราะหัวเทียนจุดประกายไฟได้ยาก และจุดระเบิดไม่สม่ำเสมอ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น ให้ลองถอดหัวเทียนออกมาตรวจเช็กดูว่ามีคราบเขม่าดำหรือมีคราบน้ำมันติดอยู่ที่ขั้วของหัวเทียนหรือไม่ พร้อมกับดูที่เขี้ยวหัวเทียนว่าสึกกร่อนจนเป็นลักษณะโค้งไม่มีเหลี่ยมคมหรือเปล่า หากถอดออกมาแล้วมีอาการข้างต้นให้รีบเปลี่ยนใหม่และให้เปลี่ยนพร้อมกันทั้งชุด เพื่อหัวเทียนจะได้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเท่า ๆ กัน
3. หัวฉีดสกปรก
หัวฉีดสกปรก หรือหัวฉีดเริ่มอุดตัน มักเป็นสาเหตุที่พบได้ค่อนข้างบ่อย เพราะเมื่อหัวฉีดอุดตันจะทำให้การฉีดเชื้อเพลิงไม่สะดวก น้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สที่ถูกฉีดออกไปจะไม่เพียงพอกับสัดส่วนการจุดระเบิด ส่วนมากจะเกิดกับรถที่ผ่านการใช้งานมานาน
ซึ่งเมื่อเกิดการอุดตันจะส่งผลทำให้กำลังตกเร่งไม่ขึ้น เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ ถ้าปล่อยไว้นานมีโอกาสที่จะทำให้รถพังได้ แต่ที่แน่ ๆ รถจะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้หัวฉีดอุดตันหรือสกปรกนั้นมาจากสิ่งที่เจือปนอยู่ในน้ำมัน เช่น น้ำ สนิมที่ก้นถัง รวมถึงเศษชิ้นส่วนที่หมดสภาพ ไม่ว่าจะเป็นยางท่อน้ำมัน ท่ออะลูมิเนียมและอื่น ๆ ที่ถึงแม้จะมีไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงกั้นเป็นด่านแรก แต่ก็ไม่ได้ 100% จนทำให้สิ่งสกปรกไปเกาะติดอยู่ที่หัวฉีด และทำให้เกิดการอุดตันนั่นเอง
วิธีแก้ไขเบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยเติมสารล้างหัวฉีดที่หาซื้อได้ตามศูนย์บริการหรือปั๊มน้ำมันทั่วไป ลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิงตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งปกติจะผสมในปริมาตร 1 ขวด ต่อน้ำมัน 1 ถัง หรืออย่างน้อยครึ่งถัง โดยสารล้างหัวฉีดดังกล่าวจะผสมเข้าไปกับน้ำมันเชื้อเพลิง พอเครื่องยนต์ทำงานก็จะเข้าไปทำความสะอาดที่หัวฉีด แล้วล้างคราบสกปรกโดยทันที และถูกขจัดไปพร้อมกับการจุดระเบิด หรืออีกวิธีคือ การนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อถอดหัวฉีดออกมาทำความสะอาดทั้งระบบ เพื่อที่จะทำให้เครื่องยนต์ของคุณกลับมามีกำลังและเดินเรียบเหมือนใหม่ไปได้นาน ๆ
4. ไส้กรองอากาศสกปรก
อีกสาเหตุที่พบบ่อยของอาการรถกระตุกนั้น มาจากที่ไส้กรองอากาศสกปรก หรือมีฝุ่นจับตัวกันอย่างหนาแน่น ทำให้อากาศไม่สามารถเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ได้ ส่งผลทำให้เครื่องยนต์กระตุกหรือสั่นได้
วิธีแก้ไขเบื้องต้น คือ ถอดไส้กรองอากาศออกมาเป่าไล่ฝุ่น แต่ถ้าสกปรกมากแนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ดีที่สุด โดยทั่วไปอายุการใช้งานของไส้กรองอากาศควรจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
5. กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัน
กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมีหน้าที่กรองและดักจับสิ่งสกปรก ทั้งฝุ่นผง เศษโลหะ ที่มาพร้อมกับน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนใหญ่จะใช้กระดาษกรองพับเป็นครีบเพื่อกรองสิ่งสกปรกไม่ให้หลุดรอดเข้าไปเป็นอันตรายกับชิ้นส่วนในระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นปั๊มติ๊กในหัวฉีดในเครื่องเบนซิน และปั๊มหัวฉีดในเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งถ้าเมื่อกรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน อาจส่งผลเสียทำให้เครื่องยนต์มีอาการสะดุด กระตุก เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงมาไม่ทันความต้องการของเครื่องยนต์
วิธีแก้ไขเบื้องต้น ให้ถอดกรองน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาเปลี่ยนใหม่ หรือให้ช่างผู้ชำนาญปรับเปลี่ยนให้ โดยสามารถตรวจเช็กตามระยะที่กำหนดไว้ในคู่มือ ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดให้เปลี่ยนในระยะ 40,000-80,000 กิโลเมตร
6. ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เครื่องมีอาการผิดปกติคือ ลิ้นปีกผีเสื้อเกิดการสกปรก อันเกิดจากผงฝุ่นที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาตามท่ออากาศ เพราะกรองอากาศหมดสภาพ ซึ่งผงฝุ่นเหล่านี้จะไปสะสมทำให้ตัวเซ็นเซอร์ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณไปกล่อง ECU ผิดเพี้ยน
วิธีแก้ไขเบื้องต้น คือ การถอดเอาตัวเรือนลิ้นเร่งหรือลิ้นปีกผีเสื้อออกมาล้างทำความสะอาด โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดล้างลิ้นปีกผีเสื้อฉีดพ่นเอาสิ่งสกปรกออก หรือหากดูแล้วมีคราบติดมากก็สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดียวกับที่ใช้กับรถล้างออกได้ ส่วนการถอด-ประกอบนั้นสามารถหาดูได้ในคู่มือประจำรถ เพราะรถแต่ละรุ่นมีวิธีถอด-ประกอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นทำตามคู่มือปลอดภัยสุด
7. น้ำมันเชื้อเพลิงมีสิ่งปนเปื้อน
ในบางครั้งการเติมน้ำมันเข้าไปที่รถเราก็ไม่ทราบว่าน้ำมันยี่ห้อนั้นมีคุณภาพหรือมีสิ่งปนเปื้อนอะไรผสมอยู่หรือไม่ แต่ปัจจุบันการจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปั๊มมีความสะอาดและปลอดภัยมากกว่าเมื่อครั้งอดีตหลายเท่า ฉะนั้นแล้วสิ่งที่จะปนมาจากน้ำมันโดยตรงน้อยมาก แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนน่าจะมาจากสิ่งสกปรกในถังน้ำมันของรถเอง โดยสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ การเกิดหยดน้ำในถังน้ำมัน ซึ่งเกิดขึ้นจากความชื้นในถังน้ำมัน เพราะเจ้าของรถปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยเป็นประจำ
ทั้งนี้ ถังน้ำมันที่ใช้กันอยู่จะเป็นระบบปิดเกือบเต็มร้อย เมื่อเป็นระบบปิด อุณหภูมิภายในก็เกือบคงที่โดยค่อนไปทางเย็น และเมื่อเปิดถังเพื่อเติมน้ำมันก็จะมีอากาศจากภายนอกเข้าไป ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในถัง หากพูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ เมื่อเรานำน้ำอัดลมแบบกระป๋องที่แช่เย็นออกมาตั้งไว้ จะเห็นว่ามีหยดน้ำเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับถังน้ำมันนั่นเอง และเมื่อวันหนึ่งเกิดอยากเติมน้ำมันเติมถัง น้ำมันก็จะไปผสมกับน้ำที่เกาะตามผนัง และเมื่อใช้งานสิ่งปนเปื้อนนี้ก็จะไหลเข้าสู่กระบวนการการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจส่งผลให้การจุดระเบิดผิดเพี้ยนได้ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์สั่นและสะดุดได้
วิธีแก้ไขเบื้องต้น พยายามเติมน้ำมันให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะไม่ปล่อยให้เหลือน้อยเกินไป โดยเฉพาะกับรถที่จอดนาน ๆ ยิ่งต้องมีน้ำมันในถังในปริมาณมากเข้าไว้ เพราะหากปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อย ไม่เพียงแค่ความชื้นเท่านั้น สนิมในถังอาจจะมาเยือนได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เครื่องยนต์รถของเรากระตุก สะดุด ไม่ไหลลื่น ดังนั้นหากเกิดอาการดังกล่าวก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะถึงจะแก้ไขได้ก็เป็นเพียงการแก้ไขเบื้องต้น ซึ่งสุดท้ายแล้วควรนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่อู่หรือศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่ท่านจะได้มีรถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
บทความที่เกี่ยวข้องกับปัญหารถยนต์
ขอบคุณข้อมูลจาก : cartreatments.com, aamcocolorado.com, mydriversedge.com