รวมอันดับ 10 ประเทศที่ขับรถมีมารยาทที่สุดในโลก อ้างอิงผลสำรวจพฤติกรรมและวัฒนธรรมการขับขี่บนถนน พร้อมเหตุผลว่าทำไมประเทศเหล่านี้จึงได้รับการยอมรับ
ภาพจาก : shutterstock.com / Martin of Sweden
การขับรถบนท้องถนน ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน ไม่ใช่แค่เรื่องทักษะ แต่สะท้อนวัฒนธรรม น้ำใจ และความมีระเบียบของผู้คนในแต่ละประเทศอย่างชัดเจน หลายชาติทั่วโลกขึ้นชื่อเรื่อง “มารยาทการขับขี่” จนได้รับการยกย่องจากงานวิจัยและผลสำรวจระดับนานาชาติว่าเป็นแบบอย่างที่ควรนำมาศึกษา บางประเทศให้ทางอย่างเป็นระบบ บางแห่งแทบไม่บีบแตรเลย และบางที่จะเห็นคนขับโบกมือขอบคุณเป็นเรื่องปกติ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 10 ประเทศที่ขับรถมีมารยาทที่สุด พร้อมเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงติดอันดับ และวัฒนธรรมบนถนนของพวกเขามีอะไรที่ทำให้ทั่วโลกต้องยกนิ้วให้
10 ประเทศที่ขับรถมีมารยาทที่สุด
1. ญี่ปุ่น
คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากญี่ปุ่นจะติดอันดับ 1 ประเทศที่คนขับรถมีมารยาทมากที่สุด เพราะความมีวินัย มีมารยาทเป็นพื้นฐานของคนญี่ปุ่น และการจะมีใบขับขี่ในญี่ปุ่นได้นั้นต้องผ่านการฝึกอบรมการขับขี่อย่างน้อย 31-34 ชั่วโมง มีทั้งการบรรยาย ฝึกขับขี่จริง และการทดสอบหลายขั้นตอน เพื่อมให้พร้อมสำหรับการขับขี่จริง
2. เนเธอร์แลนด์
ปรัชญา "ความปลอดภัยอย่างยั่งยืน" ถูกสอดแทรกในหลักสูตรอบรมผู้ขับขี่ชาวดัตช์ คนที่นี่ขี่จักรยานโดยยึดความปลอดภัยเป็นหลัก ปรัชญานี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผลการศึกษาของสภาความปลอดภัยการขนส่งแห่งยุโรป (European Transport Safety Council) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจักรยานอย่างสูง นอกจากนี้ผู้ขับรถยนต์ชาวดัตช์ยังยืนหนึ่งในยุโรปในเรื่องการขับขี่ให้ใส่ใยความปลอดภัยคนเดินถนน
3. นอร์เวย์
สำนักงานบริหารถนนสาธารณะรายงานว่าอัตราการใช้เข็มขัดนิรภัยสูงถึง 97% ในทุกภูมิภาค ผลการศึกษาของ Nordic Traffic Safety Research ในปี 2022 ยังระบุว่าผู้ขับขี่ชาวนอร์เวย์ปฏิบัติตามข้อกำหนดความเร็วในเขตโรงเรียนได้ดีที่สุดในโลก
4. เอสโทเนีย
เพราะประเทศเอสโตเนียมีการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยทางถนนที่เข้มงวดและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบตรวจสอบการจราจรล้ำสมัย นอกจากนี้ เอสโตเนียยังอยู่ในดับดับต้น ๆ ของสถิติความปลอดภัยทางถนนของสหภาพยุโรป และอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ใช้ถนนน้อย นอกจากนี้ อัตราการเสียชีวิตของคนเดินเท้าก็อยู่ในระดับต่ำด้วยเช่นกัน
5. สวีเดน
เนื่องจากโครงการ "Vision Zero" มีอิทธิพลต่อการขับขี่ของคนสวีเดน ช่วยจิตสำนึกด้านความปลอดภัยที่ฝังรากลึก สถิติของสำนักงานขนส่งสวีเดนระบุว่าอัตราการปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กสูงถึง 97% และเกิดเหตุการณ์จากกรณีที่ผู้ขับขี่ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดบนถนนต่ำมาก
6. ไซปรัส
ในไซปรัสมีสภาพการจราจรติดขัด มีถนนบนภูเขา และความหนาแน่นจากนักท่องเที่ยว แต่ไม่เป็นปัญหากับผู้ขับขี่มากนัก เพราะผู้ขับขี่ท้องถิ่นมีความอดทนและการป้องกันที่ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้สูง
7. นิวซีแลนด์
จากวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยไวคาโตในปี 2021 สำรวจพบว่าผู้ขับขี่ชาวนิวซีแลนด์มีทักษะในการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการเลือกใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามสภาพการจราจร ตากการฝึกอบรมพัฒนาทักษะเหล่านี้ นอกจากนี้ งานวิจัยของ NZTA (New Zealand Transport Agency Waka Kotahi) ยังบ่งชี้ว่าการปฏิบัติตามข้อจำกัดความเร็วที่ลดลงบนถนนชนบทของนิวซีแลนด์จัดอยู่ในระดับ "ค่อนข้างดี"
8. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการปกป้องผู้ใช้ถนนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึงคนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และเด็ก ซึ่งส่งเสริมจิตสำนึกถึงความรับผิดชอบร่วมกัน ตลอดจนการขับขี่แบบป้องกันตนเอง ผู้ขับขี่ชาวออสเตรเลียมักหยุดรถจุดที่เป็นทางม้าลาย
9. เยอรมนี
สถาบันวิจัยทางหลวงแห่งชาติระบุว่า วินัยในการขับขี่รถบนถนนในเยอรมนีอยู่ในระดับยอดเยี่ยมแม้จะมีออโต้บาห์นที่ใช้ความเร็วได้ไม่จำกัด แต่เยอรมนีมีระบบฝึกผู้ขับขี่ที่ดีและการทดสอบที่เข้มงวดมาก ทำให้มีทักษะและวินัยในการขับขี่สูง
10. ฟินแลนด์
ข้อมูลจากสำนักงานความปลอดภัยการขนส่งระบุว่า ชาวฟินแลนด์ประมาณ 90% ขับขี่รถตามกฎโดยเฉพาะการใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะตามฤดูกาล นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 1990 ก่อนจะได้ใบขับขี่นั้นต้องฝึกอบรมการควบคุมการลื่นไถล เพราะถนนลื่นด้วยเนื่องจากสภาพอากาศที่เป็นหิมะ
ทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ถนนไม่ได้เป็นแค่เส้นทางสำหรับการเดินทา แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนวัฒนธรรม น้ำใจ และระเบียบวินัยของผู้คน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการมีถนนที่ดี สวยงาม หรือกฎหมาย แต่เพราะผู้ขับทุกคนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมารยาท เช่น การให้ทาง การใช้สัญญาณ ความคารพซึ่งกันและกัน พฤติกรรมเหล่านี้สร้างความต่างอย่างมหาศาล
สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากประเทศเหล่านี้ คือ สำนึก วินัยบนท้องถนนคือหัวใจสำคัญและเริ่มต้นที่ตัวผู้ขับขี่ ถ้าเราสามารถปลูกฝังคนรุ่นใหม่ในประเทศให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมได้ บนท้องถนนของเราก็สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยได้เช่นกัน แค่เราต้องเริ่มเสียแตั้งแต่ตอนนี้
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน่ารู้รถยนต์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : wealthydriver.com






