ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี คาราวาน Toyota Hilux Revo 2016 หลังจากที่เราอัพเดทให้ชมกันไปครั้งก่อนใน 5 วันแรกในข่าว "ตามดูคาราวาน Toyota Hilux Revo 2016 กรุงเทพ-อิตาลี 5 วัน ผ่านอะไรมากันบ้าง"
8 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 6 คาราวาน)
คาราวานเริ่มออกเดินทางกันเวลา 9 โมงเช้า ด้วยจุดหมายปลายทางของวันนี้ คือ เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ระยะทางรวม 540 กิโลเมตร และเมื่อออกจากเขตเมืองเทียนสุ่ย ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งโล่ง ภูเขาสูง สองข้างทางเริ่มเห็นชาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ ที่เป็นคนท้องถิ่นในบริเวณนั้น
แวะพักทานอาหารกลางวันที่เมืองหลานโจว ทิวทัศน์สองข้างทางยังคงความงดงามของที่ราบสูง บางช่วงเราจะเห็นรถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน แสดงให้เห็นถึงความเจริญที่เริ่มเข้ามาสู่เส้นทางสายไหม
ช่วงพระอาทิตย์ตกดินเข้าสู่เมืองซีหนิง เมืองหลวงของมณฑลชิงไห่ ซึ่งชื่อนี้แปลว่า "ทะเลสีเขียว" เป็นชื่อทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดของจีน พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของหลังคาโลก หรือที่เรียกกันว่าที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 1,650-6,860 เมตร พื้นที่เป็นเขาสูง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย โดยซีหนิงนั้นได้ชื่อว่า "จงกั๋วเชี่ยตู" หรือ เมืองฤดูร้อนแห่งจีน เพราะสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 2,291 เมตร มีสภาพอากาศแบบกึ่งแห้งแล้ง ฤดูหนาวไม่หนาวมาก ฤดูร้อนไม่อบอ้าว อากาศดีตลอดทั้งปี เป็นเมืองบนเส้นทางสายไหมสายใต้ที่อายุเก่าแก่ราว 2,100 ปี และเป็นเส้นทางเชื่อมดินแดนจีนสมัยราชวงศ์ถังกับดินแดนถู่ปอ หรือ ทิเบตในปัจจุบัน
9 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 7 คาราวาน)
คาราวานออกสตาร์ท 8 โมง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองเจียยวี่กวน เป็นที่ตั้งของปราการด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีน รวมระยะทางวันนี้ประมาณ 560 กิโลเมตร
จุดหมายแรกของวันนี้คือ เมืองจางเย่ เราไปชมความงดงามของภูเขาสีรุ้ง Danxia Landform ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซีหนิงออกไป 340 กิโลเมตร การเดินทางช่วงนี้ผ่านทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสีเขียวสลับกับแนวขุนเขา วิ่งไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ อากาศเริ่มเย็นลง แถมยังมีฝนตก
จุดนี้อุณหภูมินอกรถอยู่ที่ 6 องศาเซลเซียส แต่ด้วยระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความอบอุ่นในห้องโดยสาร ก็ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ ไม่ต้องทรมานกับอากาศหนาว
หลังจากแวะรับประทานอาหารกลางวัน คาราวานออกเดินทางกันต่อเข้าสู่ภูมิประเทศราบสูง ได้เห็นภูเขาที่ปลายยอดเป็นหิมะ บรรยากาศคล้าย ๆ ทิเบต ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่งดงามมากสร้างบรรยากาศแห่งความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่ ถนนสวนเลนและมีโค้งตลอดทาง เข้าโค้งแต่ละครั้งต้องแม่นยำมาก
ช่วงบ่ายคาราวานเริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศแบบกึ่งทะเลทราย ถือเป็นสัญญาณที่บอกว่าเข้าใกล้เส้นทางสายไหม บางช่วงเจอกับพายุทะเลทรายมาทดสอบความนิ่งของช่วงล่างพอให้ตื่นเต้น บรรยากาศช่วงเย็นของการเดินทางช่วงนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะภาพของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้ากับแนวทะเลทราย ถือเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นของธรรมชาติก่อนจะเข้าสู่เมืองเจียยวี่กวน
10 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 8 คาราวาน)
คาราวานพักอยู่ใจกลางเมืองเจียยวี่กวน (Jiayuguan) เส้นทางภายในเมืองเจียยวี่กวนถนนเป็นเลนสวนดินลูกรัง สองข้างทางมีต้นไม้เขียวชอุ่ม และในที่สุดคาราวานก็เห็นแนวกำแพงเมืองจีน ที่ถือเป็นด่านสุดท้ายที่ตั้งอยู่ในเมืองเจียยวี่กวน
เมืองเจียยวี่กวน คือ เมืองที่อยู่ในมณฑลกานซู (Gansu) เป็นที่ตั้งของป้อมปราการด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีนทางด้านทิศตะวันตก ในอีกมุมหนึ่งที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนที่ทอดจากทิศตะวันตก และเป็นจุดแรกที่เริ่มทำการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์หมิงหรือเมื่อราว ปี ค.ศ. 1368 ด่านเจียยวี่กวนจึงเหมือนเป็นเส้นทางเปิดออกสู่เส้นทางสายไหมที่นักเดินทางจะต้องผ่านเข้า-ออกในเวลานั้น
จุดต่อไปอยู่ห่างจากตัวเมืองเจียยวี่กวน 6 กิโลเมตร ด่านป้อมปราการเจียยวี่กวน นอกจากจะเป็นป้อมปราการด่านแรกแล้ว ในอดีตยังเป็นจุดแบ่งเขตอารยธรรมกับพวกคนเถื่อนอีกด้วย วิว ณ จุดนี้น่าทึ่งมาก คือ เป็นป้อมปราการที่มีทะเลทรายที่ดูแห้งแล้งล้อมรอบแต่ฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ
หลังจากนั้น คาราวานก็ออกเดินทางกันต่อ สู่เมืองตุนหวงที่มีทะเลทรายหรือเนินทรายหมิงซาซานสุดอลังการกับระยะทาง 380 กิโลเมตร ทีมคาราวานได้แล่นผ่านพื้นที่ที่เป็นกึ่งทะเลทรายแห้งแล้งวิวสวยแปลกตาที เดียว เส้นทางเป็นถนน 4 เลน ส่วนมากเป็นทางตรง สลับกับโค้ง
เมืองตุนหวงตั้งอยู่ทางตะวันตกของมณฑลกานซู (Gansu) ระหว่างทะเลทรายโกบีและทะเลทรายทากลามากัน ในอดีตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางสายไหมที่นักเดินทางต้องผ่าน ทำให้มีสถาปัตยกรรมจำนวนหนึ่งเกิดขึ้นและยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ตุนหวง เป็นศูนย์กลางสำคัญบนเส้นทางสายไหม (Silk Road) เป็นทางผ่านและจุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้า
ถนนเส้นทางสายไหมเป็นเส้นทางแห่งการเผยแพร่พุทธศาสนาจากอินเดียเข้ามายังประเทศจีน ตุนหวง จึงกลายเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมหลายชนชาติ โดยเฉพาะจีน อินเดีย กรีก และอาหรับ หลอมรวมและช่วยกันสร้างวัดในถ้ำไว้เป็นที่สักการบูชาพระพุทธเจ้า โดยปรากฏหลักฐานโบราณคดีอันล้ำค่ามีสภาพสมบูรณ์ในถ้ำแห่งนี้
คณะคาราวานทุกคันมุ่งหน้าตรงดิ่งเข้าไปยังจุดท่องเที่ยวประจำเมืองทันที นั่นคือ เนินทรายหมิงซาซาน ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีโอเอซิส โดยโอเอซิสส่วนมากนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางทะเลทราย ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นแอ่งน้ำอยู่ตรงกลางและมีพืชพรรณล้อมรอบ
ทรายที่นี่สวยมาก เมื่อแสงส่องลงมากระทบกับเนินทราย เราจะเห็นฉากเนินทรายที่เป็นชั้น ๆ อย่างสวยงาม ทีมคาราวานก็ได้ประสบการณ์การขับขี่กับไฮลักซ์ รีโว่ บนเนินทราย ที่สามารถขับผ่านเนินแล้วเนินเล่า ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในโหมด 4H ผนวกกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ที่ช่วยให้การขับเคลื่อนไปได้บนพื้นทรายที่มีความลื่น พร้อมกับการใช้ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ขณะเข้าโค้ง ไม่มีการแฉลบออกนอกเส้นทาง
สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนคือ การไปชมบ่อน้ำรูปจันทร์เสี้ยวท่ามกลางทะเลทราย หรือ สระน้ำวงพระจันทร์ คือ บึงน้ำรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายล้อมรอบ 360 องศา โดยทรายจำนวนมากจะพัดขึ้นด้านบนทำให้บึงแห่งนี้ไม่ถูกกลบทับ บริเวณบึงมีสถาปัตยกรรมจีนสร้างขึ้นมา น้ำในบึงนั้นใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน
11 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 9 คาราวาน)
เช้านี้ทีมคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ ได้ออกเดินทางไปถ้ำโม่เกา (Mogao) ตั้งอยู่ที่หน้าผาเชิงเขาด้านตะวันออกของภูเขาหมิงซาซานซึ่งห่างจากเมืองตุน หวงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 25 กิโลเมตร โดยมีความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,600 เมตร อุโมงค์นี้เริ่มขุดเจาะตั้งแต่ปี ค.ศ. 366 สมัยราชวงศ์ตงจิ้น
หลังจากนั้นมีการขุดเจาะต่อจากสมัย 16 ก๊ก ถึงสมัยราชวงศ์หยวนรวม 10 กว่าราชวงศ์ จนสำเร็จผลขึ้นเป็นกลุ่มถ้ำหินที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา และรายละเอียดของศิลปะยังคงอยู่ครบ และสมบูรณ์แบบ นับเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าแห่งพุทธปฏิมาศิลป์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และได้รับการอนุรักษ์ไว้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดของโลกจนถึงปัจจุบัน จนได้รับฉายานามว่า "เพชรน้ำหนึ่งแห่งศิลปะตะวันออก"
ทีมคาราวานมุ่งสู่เมืองฮามิ (Hami) ซึ่งห่างออกไปราว ๆ 420 กิโลเมตร เส้นทางส่วนมากจะเป็นทางตรง มีวิวสองข้างทางที่สวยงาม มาในรูปแบบของความแห้งแล้งกึ่งทะเลทราย
เมืองฮามิ เป็นเมืองหน้าด่านของมณฑลซินเจียง มีของขึ้นชื่อและต้องห้ามพลาดคือ แตงฮามิ ซึ่งมีปลูกเฉพาะที่เมืองนี้ มาถึงก็เย็น ๆ
12 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 10 คาราวาน)
เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า เป็นการเดินทางท่ามกลางความสวยงามของทะเลทราย มีปลายทางที่เมืองทูลูฟาน เมืองโอเอซิสที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง กับระยะทาง 410 กิโลเมตร ถนนเป็นแบบสองเลนกว้าง บางช่วงผ่านเนินเขาที่เป็นดิน ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กำลังท่องอยู่ในแกรนด์แคนยอนที่อเมริกา
การเดินทางในช่วงนี้จะเจอลมจากทะเลทรายปะทะอย่างรุนแรง แต่ด้วยช่วงล่างที่หนึบทำให้รถเกาะถนนเป็นอย่างดี อุณหภูมินอกรถที่สูงถึง 50 องศาเซลเซียส
เมืองทูลูฟาน (Turpan/Tulufan) เป็นโอเอซิสเล็ก ๆ เมืองหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และสามารถทำการเกษตรได้อย่างกว้างขวาง คือเรียกง่าย ๆ ว่าทำเกษตรกลางทะเลทรายนั่นเอง
สภาพภูมิประเทศประกอบไปด้วย ทะเลทรายทากลิมากัน (Taklimakan) ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นอันดับสองของโลก มีเทือกเขาเทียนซานพาดผ่านตลอดเส้นทาง เมืองนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ต่ำสุดในทวีป และเป็นที่สองของโลก โดยตํ่ากว่าระดับนํ้าทะเลถึง 157 เมตร
ถือเป็นเมืองที่รวมความเป็นที่สุดในประเทศจีนไว้ทุกด้าน คือ ตํ่าที่สุด ร้อนที่สุด แล้งที่สุด และลมแรงที่สุด เห็นได้จากเมื่อขับรถเข้ามามีกังหันลมเยอะมาก
ไปต่อกันที่ความมหัศจรรย์ของ บ่อน้ำคันเอ๋อจิง หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Karez Paradise เป็นระบบชลประทานที่ชาวเมืองทูลูฟานในอดีตใช้ภูมิปัญญาคิดและสร้างขึ้นมา โดยได้ขุดอุโมงค์ใต้ดินส่งน้ำจากหิมะละลายบนยอดเขาเทียนซานและไหลลงมาเพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนภายในเมือง มีระยะทางรวมกว่า 5,000 กิโลเมตร
ทีมคาราวานเดินทางไปรับประทานอาหารและพักกันที่โรงแรม Friendship Peak Paradise
13 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 11 คาราวาน)
ปลายทางของวันนี้คือเมืองคูการ์ (Kuqa) กับระยะทาง 650 กิโลเมตร จากนั้นจะเข้าสู่คาชการ์ (Kashgar) เมืองหลักของเส้นทางสายไหม
เส้นทางของวันนี้ยังคงอยู่ในภูมิประเทศแบบแห้งแล้งของที่ราบกึ่งทะเลทราย สภาพถนนในช่วงนี้เป็นแบบสองเลน ด้านข้างเป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายขนาดใหญ่ เส้นทางบางช่วงมีภูเขาดินและหิน สวยงาม บางช่วงต้องเจอกับทางโค้งเยอะ
เดินทางกันต่อเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองคูการ์ เมืองโอเอซิสโบราณ และเคยเป็นจุดแวะพักของกองคาราวานบนเส้นทางสายไหมสายเหนือ แต่เราไม่ได้มีเวลาที่นี่กันมากนัก เพราะกว่าคาราวานจะมาถึงก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
14 มิถุนายน 2559 ทริปพิสูจน์จริงระดับโลก บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อิตาลี (วันที่ของ 12 คาราวาน)
เช้านี้คาราวานออกจากเมืองคูการ์กันตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพื่อตรงไปยังเมืองคาชการ์ เมืองที่ถือเป็นหัวใจหลักบนเส้นทางสายไหมในอดีต ด้วยระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ทำให้ทีมคาราวานไม่สามารถที่จะอยู่สำรวจเมืองโบราณแห่งนี้ได้
เคลื่อนขบวนออกมาได้ไม่นาน ก็ต้องพบกับภูมิประเทศที่ราบกึ่งทะเลทรายอีกครั้ง แต่สภาพอากาศในวันนี้ไม่สดใส มีลมแรงพัดมาอย่างต่อเนื่อง คาราวานต้องเจอกับพายุทะเลทราย สิ่งที่มาพร้อมกับพายุ คือ บรรดาฝุ่นและเม็ดทรายที่พัดเข้าหารถตามแรงลมของพายุอย่างหนัก พิสูจน์ให้เห็นถึงการทดสอบความนิ่งและสมรรถนะของช่วงล่างได้เป็นอย่างดี
ช่วงบ่ายทีมคาราวานหยุดพักที่เมืองอัคสุ (Aksu) เมืองใหญ่เมืองหนึ่งในภูมิภาคซินเจียง เดิมเราตั้งใจจะมาพักค้างคืนกันที่เมืองนี้ แต่เพื่อให้ทีมคาราวานได้พักผ่อนเร็วขึ้น จึงมีการปรับแผนการเดินทางไปพักที่เมืองคูการ์แทน
ช่วงบ่ายยังคงเหมือนเดิม ขับยาวกันมาเรื่อย ๆ มีการหยุดตรวจที่ด่านในบางครั้ง ไม่นานเราก็มาถึงเมืองคาชการ์ และเข้าพักที่โรงแรม Kashi Tianyuan Hotel ซึ่งอยู่ติดกับอนุสาวรีย์ท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง
จบไปกับการอัพเดทรอบ 2 ของ คาราวาน Toyota Hilux Revo 2016 กรุงเทพฯ-อิตาลีที่ผ่านมาเกือบครึ่งทางแล้ว ซึ่งเราจะอัพเดทรอบ 3 ให้ได้ชมกันเร็ว ๆ นี้แน่นอนครับ